วัดช้างให้
ประวัติวัดราษฎร์บูรณะ (วัดช้างให้)
วัดราษฎร์บูรณะ หรือวัดช้างให้ ตั้งอยู่ที่ตำบลควนโนรี อำเ� อโคกโพธิ์
จังหวัดปัตตานี ชิดกับทางรถไฟสายใต้ (ระหว่างหาดใหญ่-ไปยะลา)
วัดช้างให้สร้างขึ้นเมื่อใด
ใครเป็นคนสร้างครั้งแรกก็ยังหาหลักฐานแน่นอนไม่ได้ มากนัก
ก็พอจะอ้างอิงตามหนังสือตำนานเมืองปัตตานีได้บ้าง
ซึ่งหนังสือตำนานเมืองปัตตานีรวบรวมโดย พระศรีบุรีรัฐพิพิธ (สิทธิ์ ณ
สงขลา) ดังบทความตอนหนึ่งว่า
สมัยพระยาแก้มดำ เจ้าเมืองไทรบุรี ปรารถนาต้องการจะหาที่
เพื่อที่จะสร้างเมืองให้ “เจ๊ะสิตี”น้องสาวครอบครอง
เมื่อโหรหาฤกษ์ยามดีได้เวลา
ท่านเจ้าเมืองก็เสี่ยงสัตย์อธิฐานปล่อยช้างตัวสำคัญคู่บ้านคู่เมืองออกเดิน
ป่าหรือเรียกว่า “ช้างอุปการ” เพื่อหาที่ชัย� ูมิดีสร้างเมือง
ท่านเจ้าเมืองก็ยกพลบริวารเดินตามหลังช้างนั้นไปเป็นเวลาหลายวัน
วันหนึ่งช้างได้เดินไปหยุดอยู่ ณ ที่ป่าแห่งหนึ่ง(ที่วัดช้างให้เวลานี้)
แล้วเดินวนเวียนร้องขึ้น 3 ครั้งพระยาแก้มดำถือเป็นนิมิตที่ดีจะสร้างเมือง ณ
ที่ตรงนี้ แต่น้องสาวตรวจดูแล้วไม่ชอบ
พี่ชายก็อธิษฐานให้ช้างดำเนินหาที่ใหม่ต่อไป ได้เดินรอนแรมหลายวัน
เวลาตกเย็นวันหนึ่งก็หยุดพักพลบริวารน้อง สาวถือโอกาสออกจากที่พักเดินเล่น
บังเอิญขณะนั้นมีกระจงสีขาวผ่องตัวหนึ่ง
วิ่งผ่านหน้านางไปนางอยากจะได้กระจงขาวตัวนั้น
จึงชวนพวกพี่เลี้ยงวิ่งไล่ล้อมจับ
กระจงตัวนั้นได้วิ่งวกไปเวียนมาบนหาดทรายอันขาวสะอาดริมทะเล ( คือตำบล
กือเซะเวลานี้ ) ทันใดนั้น กระจงก็ได้อันตรธานหายไป นางเจ๊ะสิตี
รู้สึกชอบที่ตรงนี้มากจึงขอให้พี่ชายสร้างเมืองให้
เมื่อพระยาแก้มดำปลูกสร้างเมืองให้น้องสาว
และมอบพลบริวารให้ไว้พอสมควรเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ชื่อเมืองนี้ว่า
“เมืองปะตานี” ( ปัตตานี )
ขณะนั้นพระยาแก้มดำเดินทางกลับมาถึง� ูมิประเทศที่ช้างบอกให้ครั้งแรก
ก็รู้สึกเสียดายสถานที่ จึงตกลงใจหยุดพักแรมทำการแผ้วถางป่า
และปลูกสร้างขึ้นเป็นวัดให้ชื่อว่า “วัดช้างให้” มาจนบัดนี้
ต่อมาพระยาแก้มดำ ก็ได้มอบถวายวัดช้างให้ แก่ “ท่านลังกา”ครอบครอง
พระ� ิกษุชราองค์นี้ท่านอยู่เมืองไทรบุรีเขาเรียกว่าท่านลังกาเมื่อท่านมา
อยู่วัดช้างให้ชาวบ้านเรียกว่าท่านช้างให้เป็นเช่นนี้ตลอดมา
สมัยโบราณนั้น คนมลายูนับถือศาสนาพุทธ
พระยาแก้มดำคนมลายูจึงได้สร้างวัดช้างให้ขึ้น
อ้างตามหนังสือของพระยารัตน� ักดี เรื่องปัญหาดินแดนไทยกับมลายู หน้า 8
บรรทัด 16 ในหนังสืออิงตามประวัติศาสตร์ว่า พ.ศ.1300
กษัตริย์ครองกรุงศรีวิชัยแห่งปาเล็มบัง
มีอานุ� าพแผ่ไพศาลอาณาเขตเข้ามาถึงแหลมมลายู
และได้ก่อสร้างสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาไว้หลายแห่ง
มีผู้พบศิลาจารึกแผ่นหนึ่งที่ นครศรีธรรมราช บันทึกว่า เมื่อพ.ศ.1318
เจ้าเมืองศรีวิชัย
ได้มาก่อสร้างพระเจดีย์ที่นครศรีธรรมราชและที่สำคัญอีกแห่งคือ
พระพุทธไสยาสน์ในถ้ำที่� ูเขา (วัดหน้าถ้ำ) ตำบลหน้าถ้ำ อำเ� อเมืองยะลา
จังหวัดยะลา คาดว่าสร้างเมื่อสมัยกรุงศรีวิชัย ระหว่างพ.ศ.1318-1400
ต่อมามีการปฎิสังขรณ์เพิ่มเติมตามที่เห็นในปัจจุบัน
ขณะที่ท่านลังกา"หลวงพ่อทวด"พำนัก
อยู่ที่วัดในเมืองไทรบุรีวันหนึ่งอุบาสก อุบาสิกา
และลูกศิษย์อยู่พร้อมหน้าท่านได้พูดขึ้นในกลางชุมนุมนั้นว่า
ถ้าท่านมรณ� าพเมื่อใดขอให้ช่วยกันจัดการหามศพไปทำการฌาปนกิจ ณ
วัดช้างให้ด้วย และขณะหามศพพักแรมนั้น ณ
ที่ใดน้ำเน่าไหลลงสู่พื้นดินที่ตรงนั้นจงเอาเสาไม้แก่นปักหมายไว้ต่อไปข้าง
หน้าจะเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์
อยู่มาไม่นานท่านก็ได้มรณ� าพลงด้วยโรคชราคณะศิษย์ผู้เคารพในตัวท่านก็ได้
จัดการตามที่ท่านสั่งโดยพร้อมเพรียงกันเมื่อทำการฌาปณกิจศพท่านเรียบร้อย
เมื่อ พ.ศ.2501 พระครูวิสัยโส� ณ ได้เดินทางไปบูชามาแล้วทุกสถานที่
แต่ละสถานที่ก็มีส� าพเหมือนสถูปที่บรรจุอัฐิหลวงพ่อทวดที่
วัดช้างให้เมื่อครั้งยังไม่ได้ตบแต่งสร้างใหม่สอบถามชาวบ้านแถบๆนั้นดู
ต่างก็เล่นถึงเรื่องราวที่สืบทอดต่อกันมาให้อาจารย์ทิมและคณะฟังว่าเป็นสถาน
ที่ตั้งศพหลวงพ่อทวด เมื่อมาพักแรมมีน้ำเหลืองหยดตกลงพื้นก็เอาไม้ปักทำเครื่องหมายไว้
บางแห่งก็ก่อสร้างเป็นสถูปเจดีย์ก็มี
แล้วคณะศิษย์ผู้ไปส่งได้ขอแบ่งเอาอัฐิของท่านแต่ส่วนน้อยนำกลับไปทำสถูปที่
วัด ณ
เมืองไทรบุรีไว้เป็นที่เคารพบูชาตลอดจนบัดนี้สมเด็จเจ้าพะโคะกับท่านช้างให้
หรือ"หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" นี้สมัยท่านยังมีชีวิต
มีชื่อที่ใช้เรียกท่าน หลายชื่อเช่น พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์
ท่านลังกา และท่านช้างให้
แต่เมื่อท่านมรณ� าพแล้วเรียกเขื่อนหรือสถูปศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอัฐิของท่าน
ว่า “เขื่อนท่านช้างให้” เขื่อน หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด (คำว่าเขื่อนเป็น� าษพื้นเมืองทางใต้
หมายถึงสถูปที่บรรจุอัฐิของท่านผู้มีบุญนั่นเอง) เมื่อ พ.ศ. 2480
พระครูมนูญสมณการ วัดลานุ� าพ
ได้ชวนชาวบ้านช้างให้และใกล้เคียงไปทำการแผ้วถางวัดร้างแห่งนี้
โดยจัดบูรณะให้เป็นวัดมีพระสงฆ์เข้าจำพรรษาและในปีนั้นเอง
ได้ให้พระ� ิกษุช่วงมาอยู่ก็ได้มีการจัดสร้างถาวรวัตถุ ขึ้น
เช่นศาลาการเปรียญ และกฏิ2-3หลัง ครั้งต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2484
พระ� ิกษุช่วงก็ได้ลาสิกขาบท วัดช้างให้จึงขาดเจ้าอาวาสและผู้นำลง
พระครู� ัทรกรณ์โกวิท เจ้าอาวาสวัดนาประดู่ จึงได้ให้พระ� ิกษุทิม
(พระครูวิสัยโส� ณ) ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดช้างให้ตามที่ชาวบ้านขอมา
พระ� ิกษุทิม ได้ย้ายไปอยู่วัดช้างให้ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม
พ.ศ.2484 ตรงกับวันอังคาร ขึ้น15ค่ำเดือน8 พระ� ิกษุทิม
มาอยู่วัดช้างให้ตอนแรก ก็ไปๆมาๆอยู่กับวัดนาประดู่
กลางวันต้องไปสอนนักธรรมวัดนาประดู่
สถูปศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอัฐิของหลวงพ่อทวด ว่า “เขื่อนท่านช้างให้”
พระอาจารย์ทิม และพระอาจารย์นอง
สถูปบรรจุอัฐิ"หลวงพ่อทวด"นั้น
พระครูวิสัยโส� ณ และพระครูธรรมกิจโกศล (พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว)
ได้ปรึกษาหารือกันตกลงให้รื้อขุดของเก่าขึ้นมาเพื่อสร้างใหม่
แต่เมื่อขุดลงไปก็ได้พบหม้อทองเหลืองและมีอัฐิหลวงพ่อทวดห่อผ้าอยู่ในหม้อ
ทองเหลืองอีกชั้นหนึ่ง หม้อทองเหลืองได้ผุเปื่อย
ไม่กล้าเอามือจับต้องเพราะเกรงส� าพจะผิดเปลี่ยนไปจากส� าพเดิม
จึงได้จัดสร้างสถูปสวมครอบลงบนสถูปเดิม ซึ่งปรากฏตามที่เห็นมาในปัจจุบัน
วัดช้างให้ มีชื่อเต็ม ๆ ว่า วัดราษฎร์บูรณะ อยู่ที่ ตำบลควนโนรี
อำเ� อโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ห่างจากปัตตานีประมาณ 26 กิโลเมตร
ห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 1,032 กิโลเมตร
ไดรับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 12 กุม� าพันธ์ พ.ศ. 2500
ตามพระราชกิจจานุเบกษาเล่ม 74 ตอน 15 หน้า 451 - 252 เขตวิสุงคามสีมายาว 80
เมตร กว้าง 40 เมตร ทำพิธีผูกพัทธสีมาเมื่อ วันเสาร์ที่ 31 พฤษ� าคม พ.ศ.
2501 ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำ มีที่ดินที่ตั้งวัดเป็นเนื้อที่จำนวน 12 ไร่
ตามหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส.ค. 1 เลขที่ 334/2498
ประวัติหลวงปู่ทวด ในหนังสือหลวงพ่อทวดของ สมพงษ์ หนูรักษ์ว่า กล่าวว่า
1. ท่านลังกา องค์ท่านดำ ไม่ทราบชื่อเดิม � ูมิลำเนาเดิมที่ใดเป็นเพียงขนานนาม
2. หลวงพ่อสี
3. หลวงพ่อทอง
4. หลวงพ่อจันทร์
5. หลวงพ่อทิม (อาจารย์ทิม ธมฺมธโร) หรือพระครูวิสัยโส� ณ ๑
ตำนานที่เล่าขานสืบต่อมาจากคนเฒ่าคนแก่บอกว่าวัดช้างให้หมายความว่าที่ดิน
วัดนี้ ช้างบอกให้ เป็นวัดโบราณแห่งหนึ่ง มีอายุประมาณ ๔๐๐ กว่าปี
มีเจ้าอาวาสปกครองวัดดังนี้
1. สมเด็จหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ไม่สามารถระบุปีพุทธศักราชได้
2. พระช่วง พ.ศ. 2480 ถึง พ.ศ. 2483
3. พระครูวิสัยโส� ณ (ทิม ธมฺมธโร) พ.ศ. 2483 ถึง พ.ศ. 2512
4. พระครูใบฎีกาขาว ธมฺมรกฺขิโต พ.ศ. 2513 ถึง พ.ศ. 2521
5. พระไพศาลสิริวัฒน์ (สวัสดิ์ อรุโณ) พ.ศ. 2521 ถึง 2543
6. พระครูปริยัติกิจโส� ณ (สายันต์ จนฺทสโร) พ.ศ. 2543 ถึงปัจจุบัน
พระครูวิสัยโส� ณ หรือ พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้
ประวัติพระครูวิสัยโส� ณ(อาจารย์ทิม)
พระครูวิสัยโส� ณ นามเดิมชื่อ ทิม นามสกุล พรหมประดู่ เกิดวันที่ 21
สิงหาคม พ.ศ. 2455 ปีชวด ณ บ้านนาประดู่ ตำบลนาประดู่ อำเ� อโคกโพธิ์
จังหวัดปัตตานี เป็นบุตรของ นายอินทอง นางนุ่ม พรหมประดู่
มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน6คน
1.นายเพิ่ม พรหมประดู่
2.พระครูวิสัยโส� ณทิม (ทิม พรหมประดู่)
3.ด.ช.แว้ง พรหมประดู่ (ถึงแก่กรรมแล้ว)
4.พระครูใบฎีกาขาว
5.ด.ญ.แจ้ง พรหมประดู่ (ถึงแก่กรรมแล้ว)
6.นายเคี่ยม พรหมประดู่
การศึกษาเมื่อปฐมวัย เมื่ออายุได้ 9ปี
บิดามารดาได้นำไปฝากให้อยู่กับพระครู� ัทรกรณ์โกวิท(เมื่อยังเป็น
พระ� ิกษุแดง ธมมโชโต) เจ้าอาวาสวัดนาประดู่
ซึ่งเป็นวัดใกล้บ้านเพื่อให้เรียนหนังสือ
และได้เข้าเรียนทีโรงเรียนวัดนาประดู่ เรียนได้เพียง ป.3
แล้วออกจากโรงเรียน แต่ก็ยังอยู่กับพระ� ิกษุแดง เรียนหนังสือสวดมนต์
เมื่ออายุได้18ปี ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดนาประดู่ ตำบลนาประดู่ อำเ� อโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 7มิถุนายน 2476
พระครูพิบูลย์สมณวัตร เจ้าคณะใหญ่เมืองหนองจิก วัดมุจลินทวาปีวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์
พระอธิการพุฒ ติสสโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอธิการแก้ว เป็นอนุสาวนาจารย์
เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดนาประดู่ 2พรรษา
แล้วยังไปอยุ่สำนักวัดมุจลินทวาปีวิหาร เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม
ครั้นต่อมาได้กลับมาเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมวัดนาประดู่
ในระหว่างที่เป็นครูสอนนั้น ได้จัดการสร้างกุฏิขึ้น 1หลัง
โดยร่วมกันสร้างกับพระ� ิกษุนอง ธมม� ูโต(อาจารย์นอง วัดทรายขาว)
วิทยฐานะในทางพระ สอบนักธรรมชั้นเอกได้ในสนามหลวงวัดพลานุ� าพ
จังหวัดปัตตานี เมื่อ พ.ศ.2487 ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสวัดช้างให้ เมื่อวันที่
15 กรกฎาคม 2484 ขึ้น 15ค่ำ เดือน8 ปีมะเส็ง จ.ศ.1303
สรุปหน้าที่ตำแหน่งและสมณะศักดิ์
พ.ศ.2481-84 เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมวัดนาประดู่
พ.ศ.2484 ย้ายไปเป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดราษฎร์บูรณะ (วัดช้างให้)
พ.ศ.2491 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดราษฎร์บูรณะ (วัดช้างให้)
พ.ศ.2493 เป็นกรรมการสงฆ์อำเ� อโคกโพธิ์ ตำแหน่งเผยแผ่อำเ� อ
พ.ศ.2499 ได้รับพระราชทานสัญญาบัตร เป็นพระครูวิสัยโส� ณ
พ.ศ.2508 ได้รับเลื่อนสมณะศักดิ์ในนามเดิม เป็นพระครูชั้นโทพัดยศขาว ฝ่ายวิปัสสนา
พ.ศ.2509 ได้รับตำแหน่งเป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ.2510 ได้เริ่มอาพาธ
- วันที่ 5 พฤศจิกายน 2512 เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช
หนึ่งสัปดาห์ แล้วกลับไปพักที่วัดเอี่ยมวรนุช บางขุนพรหม 2-3
วันด้วยเหตุยังไม่ตกลงใจผ่าตัดหรือไม่ “ตกลงไม่ผ่า”
- วันที่ 7พฤศจิกายน 2512 ได้ทำหนังสือพินัยกรรม ที่วัดเอี่ยมวรนุช
ให้ผู้ที่มีรายชื่อ5ท่าน เป็นผู้รับมอบพินัยกรรม
จัดการทรัพย์สินของวัดและดำเนินการในเรื่องต่างๆ
- วันที่ 17 พฤศจิกายน 2512 เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกลาง จนกระทั่งถึงวันที่30 พฤศจิกายน 2512 เวลา 00.37 น. มรณ� าพ
- วันที่ 24 พฤศจิกายน 2518 พระราชทานเพลิงศพ ท่านอาจารย์ทิม ที่วัดช้างให้ ปัตตานี
สถูปหลวงพ่อทวด วัดช้างให้
ประวัติหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ อันมีสถูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งบรรจุอัฐิ หลวงพ่อทวด สถูปนี้ตั้งใกล้กับทางรถไฟ อดีตวัดแห่งนี้ ประวัติวัดช้างให้เคย
เป็นวัดร้างแต่ละครั้งแต่ละหนเป็นเวลาห่างกันนานๆ
ตั้งสิบกว่าปีหรือบางครั้งถึงร้อยปีก็มีในปี พ.ศ.2484 พระครูวิสัยโส� ณ
หรือในที่รู้จักกันในนาม ท่านอาจารย์ทิม ธมมธโร
ได้เข้ามาครอบครองเป็นเจ้าอาวาสวัดช้างให้เป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 5
ได้ทำการบูรณะวัดต่อเติมจนเรียบร้อย ทำให้วัดช้างให้สะอาดสะอ้านขึ้นมาก
ทางด้านสถูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งบรรจุอัฐิของ หลวงปู่ทวด ประดิษฐานอยู่ที่หน้าวัด เป็นที่จูงใจประชาชนหลายชาติหลาย� าษาได้มาเคารพบูชาเป็นจำนวนมากทุกวัน
หลังจากท่านอาจารย์ทิม ฝันว่าได้พบกับ หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของประชาชนอยู่ในเวลานี้
วันหนึ่งท่านอาจารย์ทิมนึกสนุก จึงเก็บเอาก้นเทียนที่ตกอยู่ริมเขื่อน(สถูป)
มาคลึงเป็นลูกอมแล้วแจกจ่ายให้กับเด็กวัดไป
แต่ปรากฏเป็นที่อัศจรรย์แก่ท่าน เมื่อเด็กได้ลูกอมก้นเทียนไปแล้ว
ก็เอาลูกอมสีผึ้งนี้อมในปาก แล้วลองแทงฟันกันด้วยมีดพร้าและของมีคม
แต่แทงฟันกันไม่เข้าเลย จนเรื่องทราบถึงอาจารย์ทิม
ท่านก็ตกใจเพราะเกรงเป็นอันตรายกับเด็ก
จึงเรียกเด็กมาอบรมสั่งสอนห้ามไม่ให้ทดลองกันต่อไป
หลังจากนั้นท่านเริ่มสนใจในคำปวารณาของ"หลวงพ่อทวด"ว่า
&a