พระ..ผู้ปิดทองหลังพระ พระครูสถิตนราธิการ พระนักพัฒนา ชาวบ้านเลื่อมใสช่วยบูรณะวัด จนได้รับรางวัลพระผู้ทำคุณประโยชน์ให้พระพุทธศาสนา
พระครูสถิตนราธิการ เจ้าอาวาสวัดคลองท่อม พระนักพัฒนาด้วยแรงศรัทธาญาติโยม อยากจะเห็นวัดเก่าแก่ที่ชำรุดทรุดโทรมร่วมกาลเวลากว่าเกือบ 60 ปี เปลี่ยนแปลงสร้างวัดใหม่หมด เพื่อเป็นศาสนาสถานให้กับชาวบ้านและพุทธศาสนิกชน ได้ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งชาวบ้านเลื่อมใสด้วยแรงศรัทธา ได้ร่วมทำบุญเพื่อเปลี่ยนสิ่งปลูกสร้างใหม่จากเดิมเป็นวัดเก่าแก่ที่มีสภาพทรุดโทรม ไม่สามารถที่จะใช้งานต่อไปในอนาคตได้ และเมื่อไปเทียบเคียงกับวัดอื่นๆ ที่มีอาคารสภาพใหม่กว่าและได้มีพัฒนาจนทำให้ พระ ว.ชาญ หรือ พระครูสถิตนราธิการ มีแรงบันดาลใจ และความมุมานะด้วยแรงกายแรงใจจากญาติโยม อยากจะได้เห็นวัดเก่าชำรุดทรุดโทรม ที่ตั้งบนผืนแผ่นดินที่เป็นดินแดงร่องรอยอายธรรมเก่าแก่โบราณมากกว่าพันปี ให้เป็นศาสนสถานสามารถบ่งบอกเรื่องราวในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน และยังเป็นที่รวบรวมประวัติที่อันเก่าแก่ที่สามารถบ่งบอกด้วยวัตถุโบราณต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกปัด เครื่องใช้ภาชนะ และรวมไปถึงทรัพย์ในดิน จนเจ้าอาวาสเคยนิมิตเห็น ว่าวัดเก่าแก่แห่งนี้ คือทางเชื่อมโยงสายคลองการค้าในอดีตที่เรียกคลองทอง จนชาวบ้านในละแวกนั้นทราบกันดีว่าทรัพย์ในดินแห่งนี้เต็มไปด้วยเงินยวง ลูกปัด และเพื่อที่จะได้จารึกด้วยแรงศรัทธาแห่งแผ่นดินนี้ จึงเกิดเรื่องราวมหัศจรรย์ ทรัพย์ในดิน นั้นคือ..เงินยวง หรือ เหล็กไหลชีปะขาว ที่หลายคนเป็นที่รู้จักกันในเรื่องสรรพคุณ และสิ่งที่ลี้ลับ จนทำให้ผู้ที่จิตศรัทธาเลื่อมใส ได้เข้ามาร่วมบริจาคสร้างบูรณะวัดนี้ขึ้นมาใหม่หมด ด้วยแร่เงินยวงและแรงศรัทธาญาติโยมของพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย เพื่อให้ได้ว่าผืนแผ่นดินแห่งนี้ คือวัดสายน้ำแห่งธรรม วัดสายน้ำแห่งเงินยวง ที่มีชื่อเสียงไปไกล จนเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ประกอบไปด้วยพระครู หรือที่เราเรียกว่า พระอาจารย์ ได้มองเห็นนิมิตอะไรมากมากมาย จนเกิดบุญกุศลและอันแรงกล้า สร้างแรงบันดาลใจที่จะก่อสร้างบูรณะวัดนี้ขึ้นมาใหม่ จนได้รับชื่นชมจากชาวบ้าน ว่าพระนักพัฒนา พระที่เปลี่ยนโฉมใหม่ให้กับวัดแห่งนี้ด้วยแรงศรัทธา ของชาวบ้าน
ประวัติความเป็นมาของวัดคลองท่อม อ.คลองท่อม จ.กระบี่. วัดคลองท่อม เป็นวัดราษฎร์ ตั้งอยู่หมู่ที่ ๒ ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๑๐ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๔ มีเนื้อที่ประมาณ ๒๗ ไร่ ๓ งาน ๖๗ ตารางวา และมีที่ธรณีสงฆ์อีก ๑ แปลง เนื้อที่ ๕๔ ไร่ ๒ งาน ๑๓ ตารางวา
สภาพพื้นที่ตั้งวัดนั้นเดิมเป็นที่ราบลุ่มและมีน้ำขัง จึงมีการถมดินให้สูงขึ้น สภาพแวดล้อมของวัดนั้น เป็นทุ่งนาป่าเบญจพรรณ และลำคลอง ในปัจจุบันถึงแม้ว่าวัดคลองท่อมจะตั้งอยู่ใจกลางอำเภอคลองท่อม แต่ก็ยังคงมีความร่มรื่น สงบเงียบ และมีแนวป่าไม้ เบญจพรรณนานาชนิดอยู่ทั่วบริเวณ
ปัจจุบันวัดคลองท่อมได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการสร้างเสนาสนะสงฆ์ การพัฒนาภูมิทัศน์ ให้ดูสวยงาม การบูรณปฏิสังขรณ์ฌาปนสถานให้ทันสมัยขึ้น เป็นต้น และจากการที่วัดคลองท่อมนั้นเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์วัดคลองท่อม หรือ( พิพิธภัณฑสถานพระครูอาทรสังวรกิจ )อดีตเจ้าอาวาสวัดคลองท่อม จึงเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้นทั้งในและนอกประเทศ โดยในแต่ละวันนั้นมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ทุกวันมิได้ขาด อีกทั้งยังเป็นแหล่งความรู้ด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ท้องถิ่นจึงมีนักเรียนนักศึกษาจากสถานศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศ ได้มาทัศนะศึกษา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งนี้เป็นประจำตลอดทั้งปี
เกียรติยศ
พ.ศ. ๒๕๑๐ รมการศาสนาได้ประกาศให้วัดคลองท่อม เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างระดับจังหวัด พ.ศ. ๒๕๓๕ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินด้วยรถยนต์พระที่นั่งถึงวัดคลองท่อ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ เสด็จยังพิพิธภัณฑสถานวัดคลองท่อม ทรงทอดพระเนตรโบราณวัตถุ ทรงสนพระทัยศึกษาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของลูกปัดชนิดต่าง ๆ เป็นอย่างยิ่ง และทรงส่งเสริมให้ประชาชนช่วยกันอนุรักษ์โบราณสถานควนลูกปัดเพื่อให้เยาวชนคนรุ่นหลังได้ศึกษาหาความรู้ด้านประวัติศาสตร์ต่อไป
พ.ศ. ๒๕๓๖ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินด้วยรถยนต์พระที่นั่งทรงนำนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ฯ มาทัศนะศึกษาทางประวัติศาสตร์ โดยศึกษาตามถ้ำในเขตอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ มีการค้นพบวัตถุโบราณจำพวก หอกโบราณทำด้วยกระดูก หม้อ ๓ ขา กระดูกสัตว์ต่าง ๆและเสด็จทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์ลูกปัดวัดคลองท่อม เวลา ๑๐.๐๐ น. ทรงจุดธูป เทียนบูชาพระรัตนตรัย พระครูอาทรสังวรกิจได้ถวายลูกปัด ๔ เส้น
เสนาสนะ
อุโบสถ ตั้งอยู่ใจกลางของวัด ดำเนินการก่อสร้าง โดยพระสวาส กนฺตสํวโรเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ – ๒๕๐๕ จึงแล้วเสร็จ ขนาด ๘ X ๑๒ เมตร เป็นอาคารคอนกรีต เสริมเหล็ก ก่ออิฐถือปูน เครื่องบนเป็นไม้เนื้อแข็งมุงกระเบื้องและได้ผูกพัทธสีมา เมื่อ วันที่ ๑ เดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ ในปัจจุบันพระอุโบสถหลังดังกล่าวได้ถูกรื้อถอนแล้ว เมื่อ วันที่ ๙ เดือน มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ดำเนินการโดย พระปลัดเมธิชัย ฉนฺทธมฺโม เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน เพื่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ ทดแทนเนื่องจากพระอุโบสถหลัง เก่านั้น มีความชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลาเกินกว่า ที่จะบูรณะซ่อมแซมได้โดยพระอุโบสถหลังใหม่นั้น ได้เริ่มทำการก่อสร้างตั้งแต่ วันที่ ๑ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
ศาลาการเปรียญ สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ ลักษณะเป็นอาคารทรงไทยประยุกต์กว้าง ๔๐ X ๘๐ เมตร เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
อาคารพิพิธภัณฑ์ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ เป็นตึก ๒ ชั้น กว้าง ๒๐ X ๖๐ เมตร เป็นคอนกรีตเสริม เหล็กใช้เก็บโบราณวัตถุและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก็บได้จากบริเวณควนลูกปัด และบริเวณอื่นๆในจังหวัดกระบี่
มณฑป เป็นที่ประดิษฐาน พระสำเภาก๋ง ( จู้เฉ่ง ) หลวงปู่ทวดและหลวงพ่อท่านคล้าย
ฌาปณสถาน สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗ ประกอบด้วยเมรุ ๑ เตาเผา ใช้ไม้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง ภายหลังได้บูรณะเตาเผา โดยการเปลี่ยนจากการใช้ไม้ฟืนเป็นเตาเผาแบบใช้น้ำมันเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๒
ปูชนียวัตถุ
๑.พระสำเภาก๋งหรือหลวงพ่อจู้เฉ่ง เป็นพระพุทธรูปทำด้วยไม้ บางท่านว่าเป็นไม้กฤษณา บางท่านว่าเป็นไม้โสน สูง ๑๓๐ ซม. เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่กับวัด ไม่มีประวัติเป็นมาที่แน่ชัด เป็นศิลปะญี่ปุ่น ว่ากันว่ามีชาวเรือพบลอยน้ำอยู่กลางทะเล จึงได้อันเชิญขึ้นประดิษฐานที่เสากระโดงเรือภายหลังได้นำมาถวายวัดคลองท่อม
๒.พระเงินสูง สูงประมาณ ๑๔๐ ซม.เนื้อไม้ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ ไม่ทราบประวัติความเป็นมา
๓.รูปเหมือนสมเด็จพระรามมุนี หรือ หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้
๔.รูปเหมือนหลวงพ่อท่านคล้ายวัดสวนขัน
๕.พระสีวลี
๖.รูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พ๎รห๎มรํสี ) วัดระฆังโฆษิตาราม
ในช่วงระยะเวลา 3 ปีกว่าๆของวัดคลองท่อม
ที่ท่านพระครูสถิตนราธิการ เข้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาส 15 พฤศจิกายน 2556 – ปัจจุบัน มีการก่อสร้างและบูรณะวัดคลองท่อม อย่างเป็นรูปธรรม มี การสร้างอุโบสถต่อจากเจ้าอาวาสรูปก่อนหน้า (พระปลัดเมธิชัย ท่านได้มรณภาพลง)ตอนนั้นอุโบสถวัดคลองท่อมสร้างได้ประมาณ 30% จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี2558 สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ทดแทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา สร้างกุฏิสงฆ์ขึ้นมาใหม่ 22 หลัง สร้างหอฉัน 1 หลัง รูปปั้นเหมือนหลวงพ่อทวด สมเด็จโต พ่อท่านคล้าย ขนาดหน้าตักกว้าง 3 เมตร ทั้ง3องค์ สร้างกำแพงวัดรอบบริเวณวัด ศาลาปฏิบัติธรรมกำลังก่อสร้างอยู่แล้วเสร็จประมาณ 90% ซุ้มประตูวัดกำลังก่อสร้างอยู่ สร้างและบูรณะอาคารบำเพ็ญกุศลศพขึ้นมาใหม่ ปรับพื้นที่ลานวัดใหม่จนกลายเป็นลานวัดลานธรรม สร้างห้องน้ำ 2 หลัง 22 ห้อง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมาจากความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของท่านพระครูและบวกกับแรงศรัทธาของญาติโยม จนวัดคลองท่อมมีความเจริญขึ้นมามาตามลำดับในช่วงระยะเวลา 3 ปีกว่าๆ
(พระครูสถิตนราธิการ)
เจ้าอาวาสวัดคลองท่อมปัจจุบัน
ปี พ.ศ. 49 บวช ณ วัดควนสบาย
51 จบ นักธรรมชันเอก
52 สอบบาลีได้ ประโยค 1-2
ครูสอนปริยัติธรรม – ปัจจุบัน
ครูสอนศีลธรรมในโรงเรียน- ปัจจุบัน
53 สอบ บาลี ประโยค 3 ผ่าน.
54 เป็น รองเจ้าอาวาสวัดควนสบาย เป็น เลขาเจ้าคณะอำเภอลำทับ สอบ บาลี ประโยค 4 ผ่าน.
55 เป็นครูสอนปริยัติธรรม แผนกบาลี – ปัจจุบัน
56 เจ้าอาวาสวัดคลองท่อม เจ้าคณะตำบล – ปัจจุบัน
58 เป็นพระวินยาธิการ (ตำรวจพระ) – ปัจจุบัน เป็น
ปี พ.ศ. 59 วันที่ 5 ธันวาคม ได้รับพระราชทานเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอก ที่พระครู สถิตนราธิการ
ปี พ.ศ.60 วันที่ 6 พฤษภาคม รับเสมาธรรมจักร
การศึกษาทางโลก
ปี พ.ศ. 57 จบ ป ตรี สาขา พุทธศาสตร์
59 จบ ป.โท สาขา บริหารการศึกษา
59 กำลังศึกษา ป เอก บริหารการศึกษา
อย่างไรก็ตาม จากวัดที่เก่าแก่ที่มีภาพทรุดโทรม วันนี้ วัดคลองท่อม ได้การพัฒนาวัดไปอย่างมากมายเป็นที่ยอมรับของชาวบ้าน ว่าเป็นพระนักพัฒนา เพื่อที่จะได้เห็นชาวพุทธในพื้นที่มีสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และเป็นหน้าเป็นตาให้กับคนในพื้นที่ และรวมไปถึงบ่งบอกความเป็นมาของวัดเก่าแก่แหล่งที่รวมรวมทางโบราณคดีมากกว่าพันปีแห่งนี้ไว้อีกด้วย นี้คือ..พระครูสถิตนราธิการ

พระสำเภาก๋งหรือหลวงพ่อจู้เฉ่ง เป็นพระพุทธรูปทำด้วยไม้ บางท่านว่าเป็นไม้กฤษณา บางท่านว่าเป็นไม้โสน สูง ๑๓๐ ซม. เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่กับวัด ไม่มีประวัติเป็นมาที่แน่ชัด เป็นศิลปะญี่ปุ่น ว่ากันว่ามีชาวเรือพบลอยน้ำอยู่กลางทะเล จึงได้อันเชิญขึ้นประดิษฐานที่เสากระโดงเรือภายหลังได้นำมาถวายวัดคลองท่อม

เหรียญพระ สำเภาก๋ง หรือ หลวงพ่อจู้เฉ่ง สร้าง 2,000 เหรียญ
ตอกหมายเลข และ โค๊ต ทุกองค์

หลวงพ่อทวด เงินยวง วัดคลองท่อม จ.กระบี่
"ธาตุกายสิทธิ์" บริสุทธิ์ ชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ โดยจัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มี "รังสี" หรือ "พลังปราณ" ที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด และ หาได้ยากยิ่ง