"ประวัติ ปฏิปทา" หลวงปู่แผ้ว ผลฺปัญโญ สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมบ้านใสหลวง ตำบลปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง


"ประวัติ ปฏิปทา" หลวงปู่แผ้ว ผลฺปัญโญ 
สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมบ้านใสหลวง 
ตำบลปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง

มีนานเดิมว่า “ แผ้ว ขำตรี ” เกิดวัน พฤหัสบดี ที่ ๕ เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๓
ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๙ ปีมะเมีย ณ บ้านห้วยรากไม้ (บ้านดอนมูล) บ้านเลขที่ ๒๐๗
หมู่ที่ ๑ ต.ปันแต อ.ควนขนุน จ.พัทลุง บิดา มารดา ชื่อนายหนู นางพูน ขำตรี สิริอายุปัจจุบัน
๘๗ ปี อาจกล่าวได้ว่าหลวงปู่แผ้ว เป็นชาวพัทลุงโดยกำเนิด ที่ได้รับการปลูก
ฝังค่านิยม ในความเป็นเขาอ้อ การฝังรากฐานไปในแนวความคิด แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผิด
ในทางกลับกันการหยั่งรากลึก ลงไปในศาสตร์ลึกลับ แบบเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
กับเป็นส่วนเพิ่มเติมเต็มความขลังได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ และแน่นอนว่าขลังไม่ขลัง
คงไม่ได้อยู่ที่จิตอย่างเดียว มันต้องบวกทัศนคติและมีพื้นฐานที่ดีเข้าไปด้วย


หลวงปู่แผ้ว ผลฺปัญโญ มีศักดิ์เป็นหลานแท้ๆ ของ
“พระอาจารย์นำ ชินวโร (แก้วจันทร์) วัดดอนศาลา” ท่านเคยเล่าว่าในสมัยที่ท่านยังเป็นเด็ก
ด้วยใจรักในไสยศาสตร์ทำให้ท่านเฝ้าติดตามอาจารย์นำ (สมัยเป็นฆราวาส) ไปเป็นลูก
มือประกอบพิธีกรรมต่างๆ ท่านว่าการเป็นลูกมือนี่แหละสำคัญนัก เพราะนอกจากจะ
เป็นการฝึกฝนไปในตัวแล้ว ค่าของความเป็นลูกมือคือการได้รับความไว้วางใจจาก
อาจารย์ผู้สอนซึ่งท่านบอกว่าแม้แต่พระอาจารย์นำ ได้มาอุปสมบทแล้ว
ท่านก็ยังคงเข้าวัดมาช่วยงาน ในด้านพิธีกรรมต่างๆ ของวัดดอน


ศาลาอยู่เป็นประจำ
หลวงปู่แผ้ว อุปสมบทครั้งแรก ตามธรรมเนียมปฏิบัติ เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์
(พ.ศ.๒๔๙๓) ณ พระอุโบสถ วัดควนปันตาราม โดยมี พระครูรัตนาภิรม (ตาหลวงเน)
วัดควนปันตาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ “ตาหลวงเน” อาจจะไม่โด่งดังหรือแผร่หลาย
ออกมาสู่โลกภายนอกมากมายเท่าใดนัก แต่สำหรับพัทลุงแล้ว ตาหลวงเน นับเป็น
พระมหาเถราจารย์ที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะในเรื่องของไสยเวทย์แล้ว ว่ากันว่าพระอาจารย์ดิษฐ์
วัดปากสระ เจ้าของพระสังกัจจายน์ ขนาดห้อยคอ อันกับหนึ่ง ของพัทลุง ยังให้คำรับรอง
ความขลังขมังเวทย์ ของตาหลวงเน ได้ถูกถ่ายทอด ให้ทายาททางอาคม
หลายต่อหลายองค์ เท่าที่มีชีวิต และมีชื่อเสียง ในทุกวันนี้ก็ เช่น พ่อท่านช่วง วัดควนปันตา


ราม พ่อท่านสุมิตร วัดทุ่งเตง และหลวงปู่แผ้ว ผลฺปัญโญ
นอกจากการได้เป็นศิษย์ของ ๒ เสาหลักแห่งสำนักเขาอ้อแล้ว หลวงปู่แผ้ว
ยังได้ชื่อว่าเป็นอีกผู้หนึ่ง ที่มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดวิชาโดยตรงจาก
“พระอาจารย์ปาล ปาลธัมโม วัดเขาอ้อ” ท่านเคยเล่าว่าเดิมทีเคยคิดว่าตนเองเป็นผู้ที่มีวิชาดี
มีอาจารย์ดี แต่เพราะได้รับการกำราบ จากพระอาจารย์ปาล นี่แหละ ทำให้ท่านพบความสว่างและ


สัจธรรมของความจริงที่ว่า
“ ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ไม่ใช่ของจริง ”
ท่านว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวท่านเอง ซึ่งเป็นช่วงที่ท่านลาสึกขาออกมามีครอบครัว
ท่านเล่าว่าในช่วงนั้นเป็นยุคคอมมิวนิสต์ครองเมือง จังหวัดพัทลุงถือเป็นพื้นที่สีแดง
ตัวท่านเองรับใช้บ้านเมือง
โดยการเป็นอาสาสมัคร ประจำการ ณ เขาปู่ มีอยู่วันหนึ่งขณะกำลังพักผ่อน
ได้ถูก ผกค.เข้าล้อมและโจมตี ท่านว่าเสียงกระสุนปืน ที่ดังแหวกอากาศผ่านเส้นผม
ทำให้อาสาสมัครทุกคน ไม่สามารถโงหัวขึ้นมาต่อกรได้ และจะด้วยเหตุผลประการ
ใดก็ไม่อาจทราบได้ แต่ที่แน่ๆ อาสาสมัครทุกคน ต่างมีตะกรุดของ พระอาจารย์ปาล
คาดเอวกันทั้งนั้น ท่านเล่าว่าในยามวิกฤตินั้นเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่คาบเกี่ยวระหว่าง
ความเป็นความตาย ท่านได้บอก
ให้ทุกคนตั้งใจให้มั่น เอาครูบาอาจารย์ และของขลังที่ทุกคนมีติดตัว
เป็นแรงใจลุกขึ้นยิงต่อสู้ จนในที่สุดสามารถแหกวงล้อมและรอดพ้นอันตราย
ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ด้วยเหตุนี้เองในยามว่าง จากการงาน หรือการปฏิบัติ
ภารกิจต่าง ท่านจึงถือโอกาสเข้าไปรับใช้ ไปอุปฐาก และไปเก็บเกี่ยววิชาความรู้ต่างๆ
จาก พระอาจารย์ปาล จนกระทั่งพระอาจารย์ปาลมรณภาพลง ความชัดเจนในสาย
วิชาและครูบาอาจารย์นี้เอง ทำให้หลวงปู่แผ้วได้รับสมญานามว่า “เพชรน้ำงามสามเขาอ้อ”
นอกจากสายวิชาของเขาอ้อ


แล้ว ที่ชาวบ้านยอมรับ
ในวิชาของหลวงปู่แผ้ว คือวิชาอาคม ในสายหนังตะลุง
เช่น เมตตา มหาเสน่ห์ กันของ แก้ของ ฯลฯ ทั้งนี้เนื่องจากในอดีตหลวงปู่แผ้ว
คือนายหนังตะลุง ที่มีชื่อเสียงของพื้นที่ ว่ากันว่ายามใดก็ตามที่หนัง ของครูแผ้วเล่นละก็
รับประกันได้ว่าสะกดจิต สะกดใจ ผู้ชมจนไม่สามารถลุกขึ้นไปที่อื่นได้จนกว่าการแสดงจบ
ซึ่งหลวงปู่แผ้วบอกว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของการใช้คาถาอาคมประกอบแรงครู
แรงครูของสายหนังตะลุง ถือได้ว่าแรงและลึก ไม่น้อยไปกว่าศาสตร์แห่งแรงครู
ในแขนงอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เองจึงไม่น่าแปลกใจที่ ตะกรุด มีดหมอ ที่ท่านเคยสร้างขึ้นมาจึงได้ขลัง


พลังลึก
และมากไปด้วยประสบการณ์ หลังจากที่ครอบครัว
มีความมั่นคงแล้ว หลวงปู่แผ้ว ได้ตัดสินใจ หันหลังให้ทางโลก อุปสมบทครั้งที่ ๒ เมื่อ
พ.ศ. ๒๕๔๒ ณ พระอุโบสถ วัดบ้านสวน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง 
โดยมี พระครูวิโรจน์ศาสนกิจ (พ่อท่านช่วง) วัดควนปันตาราม (ปันแต) เป็นพระอุปัชฌาย์
ปัจจุบันในวัย ๘๗ ปี ๑๘ พรรษา หลวงปู่แผ้ว ผลปัญโญ ยังมีสุขภาพแข็งแรง ความจำดี
เป็นที่พึ่งพาของชาวบ้าน หากมีเวลาเรียนเชิญกราบนมัสการท่านได้ที่
ศูนย์ปฏิบัติธรรมบ้านใสหลวง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง



龙普漂(หลวงปู่แผ้ว)的简历
班塞龙庙寺班蝶区郡干仑县 博他仑府

龙普漂以前名称是 Preaw Kantree 出生于1930年6月5日 在班东木
(Ban Don Moon)村出身地址 :博他仑府郡干仑县班蝶区1村207号
如 今龙普漂87岁了。龙普漂是博他仑人受到考奥(Kao Ao )价值观念树立
这种树立不是错误 但能把神秘知识扎根在命中 能增加灵验 但是对灵验来说灵不灵
不是只靠心灵但还要有好的观点而看法 龙普漂是阿赞南 (AjanNum Chinwalo)
瓦顿沙拉庙寺(WatDon Sala)的孙子 龙普漂说他小时候很爱学法术所以
一直跟着阿赞南(那时候阿赞南还是居士)帮住阿赞南办法会 龙普漂说
做阿赞南的帮手重点的是一来能锻炼自己的法术二来还能得到阿赞南的信任 虽


然阿赞南出家了龙普漂还跟着阿赞南到瓦顿沙拉庙寺帮助阿赞南办法会
龙普漂 20岁的时候(1950 年)在瓦坤班(WatKunPan)出家有龙普内为戒
(LuangTaNae) 虽然龙普内对其他地方不是很有明 但是对博他仑府人来说
龙普内是一位伟大的高僧尤其是法术方面  听说阿赞滴 瓦把萨庙寺
(Ajan Dis WatPhakSak) 是博他仑府第一名加特沙卡摘佛牌 (พระสังกัจจายน์)
还保证龙普内的名声 龙普内的法术知识被传到他的徒弟们 比如还在世而
有名的是龙普爽 (LuangPu Chuang) 瓦坤班达腊(WatKuantaram) 龙普素密


(LuangpuSumit) 瓦吞登(WatTungThung)还有龙普漂(LuangPu Preaw)
龙普漂不只是考奥的徒弟 他还受到阿赞般 (AjanPan)瓦考奥庙寺(WatKaoAo)
的教顺 龙普漂说以前他认为他的法术很好 有好的师傅 但从他受到阿赞般的
教顺之后才发现了真正的真理是“真的东西不能说 能说的东西是不真
”(ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ไม่ใช่ของจริง) 龙普漂说他发现的真理的
原因是因为有一件事情发生在他身上就是从他换俗后他有了家庭那时侯是公产主义夺权


博他仑府算是很危险的地方 所以他决心为国效力 到葡山(เขาปู่)当志愿者
有一天他在休息时公产主义夺者来到葡山打击他和其他志愿者他们
没有做好准备所以不能起身上来打回 但是那时候每个志愿者都戴着
阿赞般的符管 龙普漂说那时侯在生死当中他对每个志愿者说我们
要对灵物有信任然后一起起身上来向公产主义夺打枪 龙普漂的那句
话让志愿者想到了符管鼓励了他们起来打战 最后他们能逃过这次的危险


因为这些道理龙普漂有空的时候经常到庙里向阿赞般学法术好几多年
直到阿赞般圆寂
所以龙普漂的法术很坚强而受到很多人的信任 称龙普漂为头等钻石
  除了考奥法术知识 信任者还承诺龙普漂的皮影戏法术 比如



人缘 解防不好的东西方面 因为以前龙普漂是当地最有名的演皮影戏员
听说来看皮影戏者一看了就不能离开要看龙普漂演到完才愿意离开
龙普漂说这是因为他演的时候他用了皮影戏法术来帮助的 也能说皮影
戏法术也不比其他法术差  因为如此龙普漂加特的符管 磨刀 (มีดหมอ)
都是很灵 龙普漂的家庭稳定后在1999年决定再一次出家住在瓦班塞
龙庙寺 (วัดบ้านใสหลวง) 博他仑府郡干仑县 有龙普爽 (หลวงปู่ช่วง)
瓦坤班达腊(วัดควนตาราม)为戒师 如今龙普漂 87 岁 出家以18年了
龙普漂的身体还很健康 还可以帮助村民 如果谁有时间的话邀请大
家来到瓦班塞龙庙寺(วัดบ้านใสหลวง)拜龙普漂。