Warning: session_start(): open(/var/lib/php/session/sess_2jsjkcign80cjfl2vpb8p0sui3, O_RDWR) failed: No space left on device (28) in /var/www/vhosts/praasia.com/httpdocs/global.php on line 2
ประวัติ หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ 龙婆沙空 瓦农敢寺简历 ประวัติเกจิอาจารย์ - ศูนย์รวมพระเครื่องออนไลน์
 
ประวัติ หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ 龙婆沙空 瓦农敢寺简历

หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ศิษย์เอกของ "หลวงปู่ทิม
อิสริโก" อดีตเกจิอาจารย์ ชื่อดังแห่งวัดระหารไร่ จ.ระยอง ต้นตำรับ
"ขุนแผนผงพรายกุมาร" อันลือลั่นสนั่นวงการ พระเครื่อง
ได้เมตตาให้สัมภาษณ์พิเศษ ทีมข่าวพระเครื่อง "คม ชัด ลึก" เกี่ยวกับการ
สืบทอด วิชาคาถาอาคมต่างๆ จากหลวงปู่ทิม ตลอดจนการสร้างศาสนวัตถุ
โดยเฉพาะ "พิพิธภัณฑ์ยันต์" แห่งแรก และแห่งเดียว ในเมืองไทย
เชิญติดตามอ่าน กันได้โดยพลัน...
ไม่ทราบว่า หลวงพ่อไปร่ำเรียนวิชากับ "หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่"
ได้อย่างไรครับ?
อาตมาเป็นคนที่นี่ (บ้านหนองกรับ อ.บ้านค่าย
อยู่ห่างจากวัดระหารไร่ประมาณ 10 กิโลเมตร) ไปหาท่านครั้งแรก
ตอนนั้นอาตมาอายุประมาณ 15 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยม
ก็เข้าไปอยู่ที่วัดระหารไร่ ไปกินนอนที่วัดเลย ไปรับใช้หลวงปู่ทิม
โดยได้ขออนุญาตจากทางบ้านแล้ว
ตอนนั้น หลวงพ่อรู้ได้อย่างไรว่าหลวงปู่ทิมมีวิชาคาถาอาคมแก่กล้า
เพราะหลวงปู่ทิมก็เพิ่งมีชื่อเสียงในช่วงที่ชราภาพมากแล้ว ซึ่งตอนที่
หลวงพ่อได้เจอท่าน ตอนนั้น หลวงปู่ทิมก็ยังไม่แก่เท่าไหร่ ใช่มั้ยครับ
อาตมาก็ดูจากที่ท่านปฏิบัติ อาตมาดู และเห็น เรื่องอย่างนี้
มันขึ้นอยู่กับสัญชาตญาณ ของแต่ละคน
เมื่อตอนที่หลวงพ่อได้พบกับ "หลวงปู่ทิม" ครั้งแรก ตอนนั้นหลวงพ่อ
รู้สึกอย่างไรบ้างครับ?
ท่านปฏิบัติดี อาตมาเห็นแล้วก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา
มีความรู้สึกว่าหลวงปู่ทิม ไม่ใช่พระธรรมดา
จึงได้ฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ท่าน โดยโยมพ่อกับโยมแม่ได้
ถวายอาตมาให้เป็น "บุตรบุญธรรม" ของหลวงปู่ทิม จากนั้น จะขออะไร
จะเรียนอะไร ก็จะได้ทั้งหมด
เพราะปกติท่านจะไม่ค่อยถ่ายทอดวิชาให้กับใคร
ทำไม "หลวงปู่ทิม" จึงไม่ค่อยยอมถ่ายทอดวิชาให้ใครง่ายๆ ล่ะครับ
ท่านกลัวว่าเมื่อถ่ายทอดวิชาให้คนที่เรียนไปแล้ว กลัวไม่เอาไปใช้จริง
สมัยนั้น คงจะมีผู้คนมาขอเรียนวิชากับหลวงปู่ทิมเยอะสิครับ
ก็เยอะ แต่หลวงปู่ท่านจะดูลักษณะคนด้วยว่า ใครจริงจังจะศึกษา
คาถาอาคมก่อนเป็นอันดับแรก เพราะถ้าเรียนไปแล้วไม่เอาจริงไม่มีความสนใจ
และไม่เอาไปใช้ มันทำให้เสียเวลาในการแนะนำหรือสอน ท่านก็จะหมดกำลังใจ
คือ การที่ท่านจะท่องจำนั้นไม่ไหวแล้ว
หรือบางครั้งเรียนไปแล้วไม่เอาไปใช้
ก็ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงกับอาจารย์ผู้สอนไปด้วย ดังนั้น ท่านจะดูคน
ถ้าคนไหนจะเอาจริงๆ ก็ต้องมีความเพียรจริงๆ
นานมั้ยครับหลวงพ่อ กว่าที่หลวงปู่ทิมจะยอมถ่ายทอดวิชาให้หลวงพ่อ?
ไม่นาน เพราะว่า ท่านดูจากลักษณะว่า มีแววเอาจริง
มีแววอย่างไรครับ?
ท่านคงเห็นว่าอาตมาเอาจริง และมุ่งมั่น โดยให้อาตมาไปเขียนผ้ายันต์มา 1
บททุกวัน และก็บอกว่าให้ไปท่องจำ โดยจะต้องจำให้ได้
พอท่องจำได้แล้วก็มาท่องให้ท่านฟัง
จากนั้น ทำอย่างไรต่อครับ?
เมื่อเขียนบทที่ 1 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เริ่มเขียนบทที่ 2
พอเขียนเสร็จแล้วก็มาทบทวนท่องให้ท่านฟังอีก ท่องจนกว่าจะจำได้
ท่านก็จะให้ท่องจำทุกบท ทำอยู่อย่างนี้ประมาณ 4-5 ปี
หลวงพ่อทำแบบนี้อยู่กี่ปีครับ
จำไม่ค่อยได้ แต่รู้ว่านานหลายปีเลยทีเดียว
ซึ่งตรงนี้ทำให้อาตมาจำคาถาได้เยอะ และทำให้อาตมาจำได้ดี
แต่คาถามีอยู่เยอะมาก ก็จำได้ไม่ได้ทั้งหมดหรอก
มันมากมายกว่าที่เราจะจำได้ จึงได้มีการซิกแซก
อาจารย์เลยท้าพูดกันง่ายๆ เลย
ทำอย่างไรครับหลวงพ่อ
พออาจารย์เผลอเราก็แอบเอาตำราเข้าห้องเลย เพราะเรารู้ว่า
ตำราเล่มไหนเราเขียนไปแล้ว เราก็จะไม่ เขียนซ้ำ จะเอาหยิบไปวางไว้เอง
ท่านไม่รู้หรอก เราก็เขียน เล่มต่อไปอีก พออาจารย์เผลอ
เราก็เอาไปไว้ที่เดิม แล้วเอาเล่มใหม่ มาเขียนต่ออีก
แต่สิ่งที่เราเรียน และท่องจำ มาทั้งหมดนั้น เราเข้าใจทุกอย่างแล้ว
พออาจารย์รู้ ท่านก็ถามว่าเอาตำราไปใช่ไหม
เนื่องจากแกสังเกตจากกองที่ตั้งหนังสือ มันไม่เรียงกัน
เราก็ยอมรับว่าใช่ แต่ก็ได้บอกท่านว่า ตำราที่เรียนกับอาจารย์
ด้วยวิธีการท่องจำอย่างเดียวคงไม่ไหว เพราะมีมากมายเหลือเกิน
จึงต้องลอก จากอาจารย์เก็บไว้ ท่านก็ไม่โกรธ
เพราะว่าท่านเข้าใจว่าเราเอาไปก็ต้องได้ใช้ ในที่สุด ท่านก็บอกว่า
ท่านก็เรียนมาแบบนี้เหมือนกัน (หัวเราะ) ถ้าอย่างนั้น
เราก็ตีจบไปเลยว่า เราไม่ผิด (หัวเราะ)
แล้วหลวงปู่ทิม ท่านไปเล่าเรียนวิชามาจากที่ไหนครับ?
หลวงปู่สิม วัดบ้านซ่อง อำเภอวันทอง จังหวัดชลบุรี
ที่เป็นศิษย์สายเดียวกับหลวงปู่ทิมก็มี หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม
และหลวงปู่ม่น วัดเนินตาหมาก
หลวงปู่ทิมเคยพูดถึงเรื่องอภินิหาร และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
ให้หลวงพ่อฟัง บ้างมั้ยครับ
อันนี้ ท่านไม่เคยพูดให้ฟังเลย
แล้วหลวงพ่อไม่ถามหลวงปู่ทิมบ้างเลยหรือครับ ว่าวิชาคาถาอาคมต่างๆ
ที่เรียนมานี้ มีความศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่ อย่างไร?
อาตมาก็ถามเหมือนกัน แต่ท่านไม่บอก ท่านบอกว่าก็ทำไปแล้วจะรู้เอง
ขอให้ฝึกจิตใจของตัวเองไปให้สงบ เดี๋ยวก็รู้เอง คนอื่นจะรู้ด้วยไม่ได้
นอกจากตัวเอง
แล้วหลวงพ่อเคยเห็น "อภินิหาร" ของหลวงปู่ทิมบ้างไหมครับ?
ไม่เคยมีนะ เห็นท่านเป็นพระธรรมดาๆ รูปหนึ่งเท่านั้น
และท่านก็เป็นพระเงียบๆ แต่ก็พอคุยได้เหมือนกัน จริงๆ
จะว่าไม่มีในเรื่องอภินิหารเลยก็ไม่ใช่นะ ก็มีเหมือนกัน
มีอภินิหารอย่างไรครับหลวงพ่อ?
ตอนนั้นเป็นเวลากลางวัน ประมาณบ่ายโมง แกเอาผ้าพาดบ่าไปสรงน้ำ
สมัยก่อนวัดระหารไร่จะมีบึง และเป็นป่าเยอะ ไม่เหมือนปัจจุบัน
แกก็ไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ เราก็จะเข้าไปคุยด้วย
เพราะเห็นว่าท่านนั่งตากลมอยู่คนเดียว
จากนั้นก็ได้นั่งคุยกันไปคุยกันมาตามอัธยาศัย
คุยกันเป็นชั่วโมงเหมือนกัน แล้วแกก็หยุดคุย จากนั้น
แกก็เอามือแหย่ลงไปในน้ำแล้วก็ดีด 2-3 ครั้ง
ครู่เดียวปลาก็วิ่งมาเป็นฝูงเลย
ปลาวิ่งมาหาหลวงปู่ทิมเป็นฝูงเลยเหรอครับ
ปลาหลายชนิดได้ว่ายมาหาแกนั่นแหละ อาตมาไม่ว่าอะไร ก็นั่งดูเฉยๆ
ท่านก็ดีดอีก ปลาก็วิ่งเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก
ด้านหน้าที่มีแต่ปลาทั้งนั้น ท่านก็ไม่ว่าอะไรเฉยอย่างเดียว
เสร็จแล้วสักพักก็ขึ้นไปบนศาลา อาตมาก็ไม่ได้ถามอะไรท่านในตอนนั้น
หลังจากนั้นประมาณ 2-3 อาทิตย์ อาตมาจึงได้เข้าไปนั่งพูดคุย
กับท่านด้านนอกกุฏิ ระหว่างคุยไปคุยมา พอได้จังหวะดี เห็นแกอารมณ์ดี
ยิ้มแย้มแจ่มใส จึงได้ถามท่านว่า
"หลวงพ่อวันที่ฉันได้นั่งคุยกับหลวงพ่อ อยู่ริมบึงวันนั้น
เพราะเหตุใดปลาถึงวิ่งมาหาได้?" ท่านก็บอกว่า "มันมาดูเรามั้ง"
ท่านก็ว่าอย่างนั้น (หัวเราะ) อาตมาก็ถามท่านต่อว่า
ผมก็เดินมาหลายครั้ง แต่ไม่เห็นปลามันวิ่งมาดูเลย
ผมว่าหลวงพ่อต้องมีอะไรสักอย่าง เมื่อคุยไปคุยมาท่าน
ก็ว่าไม่มีอะไรหรอก แต่เราก็ตื้ออยู่นาน เมื่อถามไปถามมา ก็บอกว่ามี
มีอะไรครับ
ก็มีคาถา เป็นคาถาเรียกงูเรียกปลา จากนั้นก็คุยเรื่องอื่นต่อไป
เพราะรู้แล้วว่ามีแน่ จากนั้น พออาตมาบวชมาได้ 2-3 พรรษา
ก็ได้ขอวิชานี้กับท่าน ขอนับสิบครั้งเห็นจะได้ แต่ก็ไม่ให้
ทำไมหลวงปู่ทิมจึงไม่ยอมถ่ายทอดวิชานี้ให้หลวงพ่อล่ะครับ?
เพราะว่าคงหวงวิชา แต่ที่ขอแล้วก็เฉย ถ้าแกตอบว่า อย่าเอาเลย
เราก็คงไม่ตอแยแน่ จนในที่สุด เมื่อแกใกล้จะมรณภาพ แกถึงบอกว่า
วิชานี้อย่าเอาเลย ขอให้ติดตัวแกไป
เพราะอะไรครับหลวงพ่อ
ถ้าคนเอาไปใช้ไม่มีสัจจะ ก็จะอันตรายมาก
เพราะวิชานี้ไม่ได้ใช้เรียกปลาเท่านั้น สัตว์ทุกชนิด ถ้าตั้งใจจะเอา
ก็จะได้ทุกอย่าง แม้แต่คนก็สามารถเรียกมาได้ ถือเป็นคาถาที่อันตราย
เพราะถ้านำใช้ไปในทางไม่ดี ก็อันตรายมาก สาเหตุนี้
ท่านจึงไม่ยอมให้ใครเลย
แกบอกว่าอย่าเอาเลย แต่อย่างอื่นแกให้ทุกอย่าง จริงๆ
เราเสียดายก็เสียดาย แต่แกบอกอย่าเอาเลย พอตกกลางคืนก็เอาอีกนะ
ถามแกว่า ไอ้วิชาที่ว่านี้มันเป็นอย่างไร
ผมอยากรู้วิชาที่ดีมันว่าอย่างไร ถึงผมได้ ผมก็ไม่เอาไปใช้หรอก
และจะไม่ให้ใครด้วย แกก็บอกว่า คนเราเอาแน่นอนที่ไหนได้
อนิจจังของคนไม่แน่นอน ในยามถูกใจก็ดี ในยามไม่ถูกใจก็ดี
แสดงว่าหลวงปู่ทิมกลัวจะมีคนนำคาถานี้ไปใช้ในทางไม่ชอบ?
ใช่ อาจมีการนำไปใช้อย่างไม่ถูกไม่ต้อง ความมุ่งหมายของแกรู้
ฉันก็แทงใจแกถูก (หัวเราะ) ถ้าให้ฉันแล้วเรื่องของเรื่อง คือ
แกกลัวฉันจะสึก และมันมีเขียนไว้ในสมุดข่อย แกก็ทำลายทิ้งไป แต่เราเห็น
ก็หยิบเอามาต่อกัน ผิดบ้าง ถูกบ้างแต่ก็อ่านไม่รู้เรื่อง
แต่ฉันสันนิษฐานว่า คาถานี้ ไม่น่าจะเกิน 5 คำ
แล้วพระ "ขุนแผนผงพรายกุมาร" ล่ะครับ หลวงปู่ทิมท่านทำอย่างไรครับ?
ขุนแผนนี้ท่านได้มาสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2517
ช่วงก่อนที่แกจะมรณภาพไม่กี่ปี ที่ทำก็เพราะมีไวยาวัจกรของวัด
แกก็คิดว่าจะทำขุนแผน จึงไปปรึกษากับหลวงปู่จะทำอย่างไรดี แกก็ไม่บอก
กลุ่มพวกนี้ก็หัวใสอยู่แล้ว
ก็ไปเอาแบบที่จะสร้างขุนแผนมาให้ท่านดูว่าควรสร้างแบบไหนดี
แบบนี้ได้ไหม แบบนั้นได้ไหม ในที่สุดก็จึงได้สร้างขุนแผนขึ้นมา
เพื่อจะได้นำเงินมาก่อสร้างบำรุงวัด เนื่องจาก
เมื่อก่อนบริเวณวัดแห่งนี้เป็นป่าทั้งนั้น
หลวงปู่ทิมเป็นคนบอกให้ใช้ "ผงพรายกุมาร" มาทำใช่มั้ยครับ
ไม่ใช่ แต่มาจากลูกศิษย์ อันนี้ ก็ได้ปรึกษาหารือกันแล้ว
ว่าจะทำอย่างนี้ อย่างนี้นะ แล้วก็นำไปปรึกษาหารือกับหลวงปู่ทิม
ว่าจะทำได้ไหม แกก็บอกว่าได้ ถ้ามีความสามารถทำมาได้ แกก็ทำให้ได้
พวกลูกศิษย์ก็จึงไปจัดหากันมา เพราะคนตายสมัยนั้นเขาจะเอาฝังดิน
ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ไม่มีการฝังแล้ว โยมปูน
สัปเหร่อของวัดในสมัยนั้นก็เป็นคนไปเอาผงพรายกุมารมา ก็จะเป็น "ลิ้น"
กับ "เส้นผม" ของเด็กที่อยู่ในท้องแม่ที่ตายท้องกลม
แต่ไม่ได้เอาหัวกะโหลกอะไร
ลูกศิษย์เป็นคนจัดการเองทั้งหมดเลยใช่ไหมครับ?
ลูกศิษย์จัดการเอง โดยท่านไม่ได้บอก พวกนั้นได้ไปขุดหากันมา
อย่างเส้นผมก็จะเอามาซอย ส่วนลิ้นก็จะเอาไปย่างแล้ว เอามาบด ให้ละเอียด
แล้วก็เอามาให้ท่าน ซึ่งทางท่านก็มีส่วนผสมอยู่แล้ว
เมื่อเอามาผสมกันแล้ว ก็ทำการปลุกเสก
ที่จริง พลังจิตของท่านที่มีเจตนาเป็นกุศลแรง เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว
ไม่จำเป็นต้องใส่ผงพรายกุมาร แต่ถ้ามีการใส่ผงพรายกุมารนี้ลงไป
เขาบอกว่าถ้าทำอะไรผิดแหวกแนว คนใหม่ๆ มันชอบ มันก็เชื่อ เป็นอุปทานไป
ตอนนั้น หลวงปู่ทิมปลุกเสกขุนแผนผงพรายกุมาร นานแค่ไหนครับ?
ท่านปลุกเสกคนเดียว ประมาณ 1 อาทิตย์เศษๆ แล้วเขาก็เอาออกมาใช้กัน
วิชาการสร้างขุนแผนผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม
ก็ตกทอดมาถึงหลวงพ่อด้วยใช่มั้ยครับ?
อาตมาก็ได้เรียนกับท่านมา และได้มาแบบท่านไม่ได้หวงเลย
อาตมาไม่ได้อย่างเดียว คือ คาถาที่เรียกปลาเท่านั้นแหละ
อย่างผงพรายกุมาร อาตมาก็ได้จากท่านมาบางส่วน
ก็ขอท่านไว้หลังจากที่ท่านทำพิธีปลุกเสก เพราะตอนนั้น
อาตมาก็ช่วยเขาทำอยู่ด้วย แต่ก็ได้มานิดเดียว ค่อนๆ ตลับยาหม่องเล็กๆ
พออาตมาสร้างพระขุนแผน ก็เอาผงพรายกุมารที่ได้มาใส่เป็นเชื้อ
แล้วก็จะหาผงอย่างอื่นเอามาผสมกัน
วิชาเหล่านี้ นอกจากจะมีดีตามความเชื่อของแต่ละคนแล้ว
จะมีผลที่ไม่ดีอะไรบ้างมั้ยครับ?
อะไรที่เกี่ยวกับผี มันไม่ดีหรอก บอกได้เลยว่าไม่ดี
ถ้าสมมติว่าเราทำให้ใครใช้ หากเราบังคับมันไม่อยู่ ไอ้คนใช้ก็จะอันตราย
เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ฉันเรียนมาก็จริง แต่ตัวฉันไม่เอานะ
เข้ากับผี ไม่ว่าจะเป็นกระดูกหรืออะไร
หลวงพ่อก็ทำได้ แต่ไม่ทำ
ทำได้ เนื่องจากวิชาเหล่านี้เรียนมาทั้งนั้น แต่ไม่ทำ
อะไรที่เกี่ยวกับผีเป็นไม่เอา จะเป็นสีผึ้ง หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่เอา
มันจะเป็นอันตรายที่เกิดขึ้นได้ เพราะถ้าทำไม่ดี คนๆ
นั้นอาจถึงขั้นวิปริต เสียสติไปเลย
ส่วนพระขุนแผน พวกผงพรายกุมารนั้น ต้องเรียกว่าคนทำ คือ
หลวงปู่ทิมท่านเก่ง ท่านบังคับอยู่เลย ท่านเสกบังคับไว้เสร็จเลย ฉะนั้น
คนที่จะทำต่อไป ถ้าไม่แน่จริงอย่าไปทำ มันเป็นอันตรายถือว่าเล่นกับผีนะ
เดี๋ยวเสกบังคับไม่ได้ ก็ยุ่งเลย
แล้วคาถาที่หลวงปู่ทิมเสกบังคับเอาไว้ ไม่มีเสื่อมบ้างหรือครับ
มันไม่เสื่อมหรอก เหมือนโบราณเขาว่าไว้ว่า ถ้าทำได้แน่จริง ดีจริงๆ
มันไม่เสื่อมหรอก เช่นเดียวกับเพชรที่ตกไปในตม
เอาขึ้นมาล้างมันก็คือเพชร ไม่เสื่อมหรอก
ได้ข่าวว่า ตอนนี้ หลวงพ่อกำลังจะสร้าง "พิพิธภัณฑ์ยันต์"
ขึ้นมาที่วัดหนองกรับ ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรครับ?
ก็จะสร้างเป็นอาคาร 3 ชั้น ชั้นล่างก็จะเป็นกุฏิ
ไว้ต้อนรับญาติโยมที่เดินทางมาทำบุญที่วัด ชั้น 2 ก็จะทำเป็นพิพิธภัณฑ์
ส่วนชั้น 3 จะใช้เป็นที่เก็บวัตถุมงคลต่างๆ ที่ได้ปลุกเสกแล้ว
พิพิธภัณฑ์นี้จะใช้เวลาสร้างประมาณ 3 ปีได้ อาตมาคาดว่า
เดือนพฤษภาคมปีนี้จะเสร็จสมบูรณ์
พิพิธภัณฑ์ที่ว่านี้ เมื่อเสร็จแล้วจะเป็นแบบไหนครับ?
จะทำเป็นที่เก็บเฉพาะ "ยันต์" เท่านั้น
จะเป็นยันต์ขนาดใหญ่ที่ดูแล้วสวยงาม เป็นยันต์ที่อาตมาเขียนเองทั้งหมด
ส่วนใหญก็เป็นยันต์ที่ได้เรียนมาจากหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ก็มียันต์
หนุมาน ยันต์ชูชก และเป็นยันต์พวกดาวเดือน ฯลฯ ยันต์ต่างๆ
ก็จะมีอยู่ในตำรา ลอกจากตำราแล้วเอาไปปั้นติดผนังเลย
และคิดว่าถ้าปั้นจะแลดูขลังกว่า จะนูนออกมาสวยกว่า
โดยจะมีการเขียนตัวหนังสือออกมาก่อน
แล้วเอามาแกะตัวหนังสือทำแม่พิมพ์เลย แล้วเทเป็นตัวๆ ไปเลย ก ข ค ง จ ธ
ท น ฯลฯ ไอ้เส้นยันต์เราก็เทเป็นร่องๆ ไป ประมาณ 40 ซม. หรือ 30 ซม.
การเขียนยันต์ หลวงพ่อเรียนจากหลวงปู่ทิมท่านเดียวเลยเหรอครับ
อาตมาก็ไปเรียนกับอาจารย์เรียง อยู่ที่กรมศิลปากรด้วย
ก็ไปเรียนกับท่านตั้งแต่อายุประมาณ 15 ปี สมัยนั้น
ท่านอาจารย์เรียงมาทำงานอยู่แถวชลบุรี
ท่านก็เริ่มให้ฝึกตั้งแต่การแกะสลักไม้ หลังจากนั้นก็ได้ฝึกเขียนยันต์
ส่วนใหญ่จะให้หัดเขียนเป็นลายไทย พวกลายกนกต่าง ๆ
ก็เรียนอยู่กับอาจารย์เรียง ประมาณ 5 ปีเห็นจะได้
ก็เป็นพื้นฐานในการเขียนยันต์ต่างๆ ในเวลาต่อมา
เครื่องรางของขลังต่างๆ มีประโยชน์อย่างไรบ้างครับหลวงพ่อ
ให้เป็นพุทธานุสติ ให้มีการระลึกถึงสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ คือพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์ ให้ระลึกนึกถึงคุณงามความดี
ไอ้ประโยชน์ของเขามันมองไม่เห็น แต่กรณีฉุกเฉิน
มันก็สามารถทำให้เราแคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆ ไปได้
หรือบางครั้งจากหนักก็ให้เป็นเบาได้ เรื่องแบบนี้พูดยาก
ขึ้นอยู่กับความเชื่อ หรือคนต้องประสบเอง
ในทางกลับกัน เครื่องรางของขลังต่างๆ มีโทษบ้างมั้ยครับ
ถ้านำไปใช้ในสิ่งที่ผิด ก็จะเกิดโทษ เช่น คนที่ได้เครื่องรางของขลัง
ไปแล้วคิดว่าตัวเอง ดีแล้ว เหนียวแล้ว คงกระพันแล้ว ก็เกิดความประมาท
บางทีก็ไปหาเรื่องหาราวคนอื่น อย่างนี้ก็เป็นโทษ แต่ถ้าคนเรา
เอาเครื่องราง ของขลังเอาไปใช้อย่างไม่ประมาท เอาไว้คุ้มครองตัวเอง
เอาไว้เป็นที่ระลึก เป็นพุทธานุสติ คงไม่มีปัญหา
ทีมข่าวพระเครื่อง "คม ชัด ลึก"
(เน้นคำพูด-ตัวใหญ่)พระขุนแผนผงพรายกุมารนั้น ถ้าไม่แน่จริง อย่าไปทำ
มันเป็นอันตราย ถือว่าเล่นกับผีนะ เดี๋ยวเสกบังคับไม่ได้ ก็ยุ่งเเลย
อะไรที่เกี่ยวกับผี มันไม่ดีหรอก เพราะถ้าคนทำ เสกบังคับมันไม่อยู่
ไอ้คนใช้ก็จะอันตราย"

หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่
จังหวัดระยองเป็นเกจิที่ประชาชนกำลังให้ความนิยมสูงสุดอยู่ในขณะนี้ท่านเป็นพระที่มีศิลลาจารวัตรงดงามและ

มีพุทธาคมอันแก่กล้าไม่ว่าจะเป็นด้านคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม มหาลาภแคล้วคลาด
ซึ่งปรากฏได้ประจักษ์มาแล้วในผู้ที่เคารพนับถือและมีวัตถุมงคลของ
ลป.ทิมไว้บูชาซึ่งในปัจจุบันวัตถุมงคลของหลวงปู่เป็นที่เสาะแสวงหากันมากทั้งประชาชนทั่วไปและบุคคลในวงกา

รพระเครื่อง
ผู้ที่มีอยู่ต่างก็หวงแหนเพราะประสบการณ์ที่ประสบมาด้วยตัวเองจึงทำให้เกิดแรงศรัทธาอันสูงสุด
แม้ลป.ทิมจะล้วงลับไปแล้ว แต่ความศักดิ์ก็ยังคงอยู่ ความศรัทธาจากประชาชนมิได้ลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด
เมื่อครั้งที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่มีลูกศิษย์ลูกหาหลวงปู่หลายท่านได้ถามหลวงปู่ว่า?หลวงปู่ครับ
เมื่อสิ้นหลวงปู่แล้วพวกกระผมจะพึ่งพิงพระรูปใดได้บ้าง?หลวงปู่ทิมได้ชี้ไปที่พระหนุ่มรูปหนึ่ง
ซึ่งในวันนั้นได้มาปฏิบัติหลวงปู่อยู่ด้วย?โน่น ท่านสาคร เขาเรียนของไว้เยอะ
ท่านสาครที่หลวงปู่พูดถึง ก็คือหลวงพ่อสาคร มนุญโญ วัดหนองกรับศิษย์เอกหลวงปู่ทิม
ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมไว้จนหมดสิ้น
พระครูมนูญธรรมวัตรหรือหลวงพ่อสาครศิษย์เอกผู้สืบทอดพุทธาคมจากหลวงปู่ทิม อิสริโก
เป็นผู้ฝักใฝ่ในด้านเวทย์มนต์คาถาอาคมและวิชาแพทย์แผนโบราณมาตั้งแต่เด็กๆ
นามเดิมว่า สาครไพสาลี เกิดในกระกูลชาวไร่-ชาวนา เมื่อวันอังคาร แรม ๙ ค่ำ เดือน ๓ ตรงกับวันที่ ๓
กุมภาพันธ์ ๒๔๘๑ ซึ่งตรงตามคติโบราณที่ว่าบุคคลนั้นจะมีความพิเศษอยู่ในตัว
หากถือปฏิบัติก็จะพบกับความสำเร็จเจริญยิ่งๆขึ้นไปหากร้ายก็จะร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้และบุคคลที่เกิด

ในราศีนี้จิตจะฝักใฝ่ด้านไสยศาสตร์เวทย์มนต์คาถา
โยมบิดาชื่อ นายกุ โยมมารดาชื่อนางนิด หลวงพ่อสาครเกิดที่บ้านท้ายทุ่ง หมู่สอง๒ ต.หนองกรับ อ.บ้านค่าย
(บ้านท้ายทุ่งแห่งนี้เป็นสถานที่เดียวกับบ้านเกิดของลป.ทิม)
หลวงพ่อสาครมีพี่น้องทั้งหมด๒คนคือ

๑.นางอยู่ ไพสาลี
๒.หลวงพ่อสาคร
หลวงพ่อสาครได้เข้าศึกษาเบื้องต้นในชั้นประถมปีที่ ๑
เมื่ออายุได้๕ปีที่โรงเรียนวัดหนองกรับจนจบชั้นประถมปีที่๔ เมื่อพ.ศ. ๒๔๙๐
ได้ออกมาช่วยโยมบิดา-มารดาประกอบอาชีพทำนาและเมื่อมีเวลาว่างก็จะออกเดินทางไปบ้านละหารไร่
เพื่อศึกษาวิชาไสยศาสตร์กับโยมหล่อและโยมทัต ซึ่งทั้งสองถือว่าเป็นผู้เรืองวิชาอาคมในสมัยนั้น
และเข้าปฏิบัติหลวงปู่ทิมอยู่เป็นนิจ
ซึ่งนับว่าเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่หลวงปู่ให้ความเมตตาเรียกใช้อยู่เสมอด้วยนิสัยและความสนใจด้านไสยศาสตร์ม

าแต่เด็กและโตขึ้นจึงเป็นคนหนุ่มที่มีวิชาอาคมติดตัวแต่ก็ได้ใช้วิชาที่ได้ร่ำเรียนมาไปทำร้ายใครกลับมีแต

่ช่วยเหลือเพื่อนๆรุ่นเดียวกันมาตลอด
เมื่ออายุครบ ๒๐ปี
โยมมารดาและญาติพี่น้องจึงได้ร่วมกันจัดพิธีอุปสมบทให้เป็นพระภิกษุที่วัดหนองกรับเมื่อวันพุธที่ ๔
มิถุนายน ๒๕๐๑
โดยมีพระครูจันทโรทัย(หลวงพ่อดิ่ง)เป็นพระอุปัชฌายะเป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระอธิการเคียง


วัดไผ่ล้อมเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า?
มนูญโญ?เมื่ออุปสมบทแล้วได้เดินทางไปจำพรรษาที่วัดละหารไร่และได้ฝากตัวเป็นศิษย์ลป.ทิมเพื่อศึกษาพระธรรม

วินัยและพุทธาคมจากหลวงปู่ทิมอย่างจริงจังจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆจากหลวงปู่ทิมจนหมดสิ้นโดยมิไ

ด้ปิดบังแต่อย่างใดเรียกได้ว่าเรียนได้กระจ่างชัดรู้จริงสามารถปฏิบัติได้
เมื่อมีความเชี่ยวชาญในวิชาอาคมที่เรียนแล้วด้วยใจรักในด้านนี้จึงได้เสาะแสวงหาศึกษาวิชาอาคมจากลพ.เพ่ง
สาสโน วัดละหารใหญ่ ซึ่งหลวงพ่อเพ่งรูปนี้เดิมเป็นมหาดเล็กในเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรเขตดุดมศักดิ์ฯ
จึงได้ศึกษาวิชาอาคมจากหลวงปู่ศุข
วัดปากคลองมะขามเฒ่ามีวิชาด้านคงกระพันธ์เป็นเยี่ยมเขียนอักขระลงบนแผ่นตะกั่วเพียงตัวเดียวให้คนทดลองยิง

ก็ยิงไม่ออกเมื่อหลวงพ่อสาครได้ศึกษาวิชาอาคมจากหลวงพ่อเพ่งเป็นอย่างดีแล้ว
ก็ได้รับคำแนะนำจากหลวงปู่ทิมให้ไปศึกษาวิชาจากหลวงปู่หิน
วัดหนองสนมซึ่งหลวงพ่อสาครก็ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่หินถ่ายทอดวิชาให้เป็นอย่างดีหลังจากศึกษาวิชาอาคม

จากหลวงปู่หินแล้วหลวงพ่อสาสรก็เดินทางไปศึกษาวิชากับหลวงปู่โสม วัดบ้านช่อง อ.พานทอง
จ.ชลบุรีซึ่งเป็นพระที่มีวิชาอาคมแก่กล้าอีกองค์หนึ่งของภาคตะวันออกหลวงพ่อสาครก็ได้ศึกษาจนกระทั่งจบกระ

บวนท่า ด้วยนิสัยใฝ่รู้หมั่นศึกษา
หลวงพ่อสาครได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจากบรรดาเกจิอาจารย์ต่างๆอีกหลายองค์ อาทิ
พ. ศ. ๒๕๐๓ ได้เดินทางไปศึกษากับอาจารย์เชียงคำ ที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า
พ.ศ. ๒๕๐๖ ศึกษากับอาจารย์สิน วัดนาวัง อ.บางละมุง ชลบุรี
พ.ศ. ๒๕๑๘ เดินทางไปศึกษากับอาจารย์สุพจน์ ที่ประเทศเขมร
พ.ศ. ๒๕๒๓ ศึกษากับพระอาจารย์สุมล คำเสียง ที่จังหวัดศรีษะเกษ
พ.ศ. ๒๕๒๕ ศึกษากับหลวงพ่อบุญเย็น วัดแจ้งนอก จ.นครราชสีมา
พ.ศ. ๒๕๒๖ ศึกษากับหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
พ.ศ. ๒๕๒๗ ศึกษากับหลวงพ่ออาคม วัดดาวนิมิตร จ.เพชรบูรณ์
พ.ศ. ๒๕๒๘ ศึกษากับหลวงพ่อบึม วัดปราสาทกิน จ.ปราจีนบุรี
ฯลฯ
หลวงพ่อสาครยังได้ศึกษากับเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญทางด้านไสยเวทย์ต่างๆอีกหลายท่านทั้งพระภิกษุและฆราวาส


ในปีพ.ศ. ๒๕๐๘ พระครูเกลี้ยงธรรมถีโยเจ้าอาวาสลำดับที่๙วัดหนองกรับได้มรณภาพลง
ทายกทายิกาชาวบ้านหนองกรับได้เดินทางไปหาหลวงปู่ทิมที่วัดละหารไร่เพื่ออาราธนาหลวงพ่อสาคร มนูญโญ
ให้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองกรับ หลวงปู่ทิมได้อนุญาต
หลวงพ่อสาครจึงมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองกรับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ถึงแม้ว่าท่านจะมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองกรับก็มิได้ทอดทิ้งหลวงปู่ทิมผู้เป็นอาจารย์ยังคงเดินทางไปกราบนมั

สการดูแลหลวงปู่อยู่เสมอจนกระทั่งหลวงปู่ทิมได้มรณภาพลงในปี๒๕๑๘หลวงพ่อสาครก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ในก

ารจัดบำเพ็ญกุศลศพหลวงปู่ทิมอย่างเต็มที่สมกับที่เป็นศิษย์ก้นกุฏิอย่างแท้จริงจนบรรดาลูกศิษย์ลูกหาอื่นๆ

ของหลวงปู่ทิมกล่าวยกย่องชมเชยหลวงพ่อสาครกันทั่ว
หลวงพ่อสาครนอกจากจะสนใจศึกษาวิชาอาคมต่างๆแล้วท่านก็มิได้ทอดทิ้งในด้านการศึกษาพระธรรมวินัย
และเมื่อรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหนองกรับซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า๒๐๐ปีและเคยถูกไฟไหม้เผากุฏิเสนา

สงฆ์จนวอดวายท่านก็มิได้ดูดายเมื่อมาเป็นเจ้าอาวาสก็ได้บูรณะและสร้างเสนาสนะใหม่ขึ้นมาเพื่อให้ภิกษุสงฆ์

สามเณรและพุทธศาสนิกชนได้ใช้ปฏิบัติศาสนกิจต่อไปด้วย
ความสามารถพิเศษของหลวงพ่ออีกอย่างหนึ่งคือมีความชำนาญในด้านปฏิมากรรมและวิจิตรศิลป์
การแกะสลัก,การปั้นลวดลายและวาดภาพฝาผนังตลอดจนการลงรักปิดทอง
ท่านจึงได้ลงมือบูรณะและก่อสร้างเสนาสนะถาวรวัตถุต่างๆด้วยตัวท่านเอง
ในปีพ.ศ.๒๕๒๔ ได้รับพระราชทานเป็นพระครูชั้นโท
?พระครูมนูญธรรมวัตร?หลวงพ่อสาครได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.๒๕๐๘
มีด้วยกันสองพิมพ์พิมพ์แรกเป็นสมเด็จรัศมีมีเนื้อผงใบลานเก่าสีดำหลวงพ่อได้นำใส่บาตรแล้วเผาไฟทำให้มีเนื

้อแกร่งและอีกพิมพ์หนึ่งเป็นรูปปั้นหลวงปู่ทิมเนื้อผงใบลานสีดำเนื้อเดียวกับสมเด็จพิมพ์รัศมี
หลวงพ่อสาครได้นำออกมาแจกแก่ญาติโยมครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ในงานทอดผ้าป่า
พระชุดนี้ได้ก่ออภินิหารอย่างมากมายช่วยคุ้มครองชีวิตแก่ผู้นำติดตัวมาแล้วหลายราย
ต่อมาในปี๒๕๒๔หลวงพ่อสาครได้นำผงปัถมัง,ผงอิทธิเจที่ท่านเขียนเลขยันต์อักขระต่างๆ
,ผงของของหลวงปู่.ทิม,ผงอิทธิเจหลวงพ่อเพ่ง วัดละหารใหญ่,ผงปัดตลอดอาจารย์ภูเมือง,ผงพุทธคุณหลวงพ่อสิม
วัดถ้ำผาปล่อง,ผงพุทธคุณครูบาคำหล้า จ.เชียงใหม่,ผงพุทธคุณอาจารย์มั่น,ผงวิเศษหลวงพ่อจง
วัดหน้าต่างนอกและผงของเกจิอาจารย์ต่างๆที่หลวงพ่อได้ไปศึกษามาหลวงพ่อสาครได้นำผงเหล่านี้มาสร้างเป็นสมเ

ด็จพุทธนิมิตซึ่งเป็นพระประธานในอุโบสถวัดหนองกรับหลังจากสร้างออกมาแล้วก็เป็นที่ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้งเมื

่อทหารนาวิกโยธินนายหนึ่งได้เหยียบกับระเบิดจนตัวลอยละลิ่วเมื่อเพื่อนๆวิ่งไปดูทหารคนนั้นไม่เป็นอะไรเลย

ในคอคล้องสมเด็จพุทธนิมิตองค์เดียวเท่านั้นจึงยกโขยงมาขอสมเด็จพุทธนิมิตจากหลวงพ่อไปเป็นจำนวนมาก

หลังจากนั้นหลวงพ่อได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นอีกหลายพิมพ์ซึ่งก็ล้วนมีประสบการณ์ทั้งสิ้นจนทำให้วัตถุมงคลเหล

่านี้หมดไปจากวัดอย่างรวดเร็ว
ในปีเดียวกัน(๒๕๒๔)หลวงพ่อสาครได้รับพระราชทานเป็นพระครูชั้นโท
หลวงพ่อได้สร้างเหรียญปิดตารุ่นฉลองสมศักดิ์ขึ้นด้านหลังเป็นยันต์ห้าเหรียญรุ่นนี้เป็นที่โจษขานกันมาอีก

รุ่นหนึ่งในบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในจังหวัดระยองเหราะทำให้มีฐานะดีขึ้นมาทุกวันนี้เพราะเหรียญปิดตาหลวงพ่อสา

ครนี่แหละ

หลวงพ่อสาครนับว่าเป็นที่เจริญรอยตามคณาจารย์โดยแท้ด้วยศิลลาจารวัตรที่งดงามอีกรูปหนึ่งท่านเป็นพระที่สม

ถะที่มากด้วยพระธรรมวินัยมีอาคมอันแก่กล้า
หลวงพ่อสาคร มนูญโญ วัดหนองกรับนับว่าเป็นเพชรน้ำเอกอีกรูปหนึ่งที่ประชาชนให้ความเคารพนับถือ
ท่านเป็นพระผู้สืบสานอาคมจากหลวงปู่ทิมผู้เป็นอาจารย์มิขาดตกบกพร่อง

*จากหนังสือเนื่องในวาระครบ๕รอบหลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ*

来自: Moon '(wat nong krab) 2013-05-28 20:16:18

这里介绍一下我最喜欢的师傅-龙婆沙空。

龙婆沙空佛历2481至今,在世坤平名列前茅。

龙婆沙空生于佛历2481年,很小的时候父亲就过世了,从那以后,无法继续学业的他便开始向高僧们拜师学艺,因此出家之前龙婆沙空就已经是位法术高强的人 了。在众多的师傅中龙婆天给了龙婆沙空很大的帮助,他经常教导龙婆沙空:“做人是要让别人尊重,而不是让别人害怕”。之后,为了向龙婆天学习更多的法术、 经文符印、禅定和佛理,龙婆沙空在佛历2501年在龙婆天的瓦拉函赖出了家。在学会了恩师的所有法术后又苦行去过很多地方学法,最远的时候曾到过缅甸。最 后在他修行完成后在Wat Nong krap当上了主持直到现在,历经了50多年的僧侣生涯。

由于人缘名师龙婆天是龙婆沙空的老师,也是龙婆天在世时所说的唯一一位能够代表他的高僧,还跟龙婆坤等多位在世高僧一起修过法,所以师傅的圣物在泰国特别的受欢迎,每次一推出就被请供一空。

下面是一则广为流传的事迹:
曾有一位叫做Navi Yotin的军官向龙婆沙空师傅请过一尊佛牌,这尊佛牌是师傅放入钵里烤过后才让他佩戴的。有一日他在林中不小心踩到地雷,可是地雷不但没有爆炸,这位军 官整个人还漂浮了起来,其他的军人看到后紧张地过去观察这位军官,不料这位军官身上一点伤也没有,众人顿时都很惊讶,并对龙婆沙空师傅非常感恩。

以下是龙婆沙空一些有趣的故事。
LP Sakhon 说:
“用来忆念佛陀。想起神圣的东西。想起善事。想起三宝-佛、法、僧,这些看不见的,可以在紧急时刻帮助到我们化险为夷,或是重的转轻。而那些以为自己有了 这些好料,就不怕死。结果就放逸。去跟别人惹事生非,这样的人,多是躲不了。对于精通法术的人他们知道,每一天,有开的时间,也有关的时间。古人也是有学 习,吃饭是要念经文,以防万一,绝不会掉以轻心。我曾经见过有人带LP Tim的牌,却弄丢了。因为他喜欢骂自己的母亲。想像,一个人如果连自己的母亲也不懂得爱的话,还剩什么呢?
所以,你们拿了我的牌后,要常常想起善事,这样或许在遇到紧急事件的时候,可以得到帮助。。。”而LP TIm也不是随意将法术传给他人。他担心,那个人学了法术后,却没有好好的去利用它。这就会破坏到为师的名声。然而,对于LP Sakhon,LP Tim却倾注所有的心血,把法术传了给他。仿佛他知道,在未来,这位年轻的法师,将会把学来的法术去帮助需要帮助的人。。。虽说,佛教的教法,是要人们自 己去try and think。但是,有些时候,还是有些无法以凡人智慧来解释的事情,那就归类与X-file了。。。
LP Sakhon说,一天当他正坐在池边跟LP Tim聊天。突然,LP Tim听了下来。把手指放进水里搅动,一会儿,一群鱼游了过来。LP Tim把手指拿起,过一会又再重复一次,大群鱼儿有再游过来。。LP Sakhon看在眼里,他等到适当时机就问LP Tim这是怎么回事。LP Tim说,这是”叫鱼“的法术。这不能传给你。留给他自己。此外,他也担心学到的人没有信用,反而是造业。因为,这法术不只可以叫鱼过来,还可以叫人过 来。LP Sakhon提起他当年到柬埔寨学法的经历。。。他来到一个叫做“松“的族人村里。“松”人他们是信仰外道法术,而不尊敬出家人的。他们看到LP Sakhon是出家人,所以不愿意教他法术。而事实上,LP Sakhon也没有想到要学。他只是想去开开眼界。那次,他在朋友的帮组下,请他们示范给他看,关于这“松”人的法术。。。他们拿来一个盘子,放了蜡烛、 香与鲜花等,来祭拜师祖。然后,把刀放在盘子里。再用白布盖住。LP Sakhon吩咐朋友到外面去看着那棵椰树,而自己就在一旁专注的看。LP说,当巫师往布吹口气,那把刀就不见了!而插刀树上的椰子!!!而当他再吹一口 气,那把刀又回到盘子上了。。。虽说LP Sakhon本身已经相信法术的神奇,但当他看到这一幕,也不禁觉得神奇。心里直叹:法术真的是存在的!!!但是他说,这个法术多用在害人的方面。此外, 那些迷魂术,掌控术也是多得很。对于这些法术,LP Sakhon总结说:“即使我们有再高强的法术,再神通广大,也会有一天会失手。但是,如果我们有朋友在身边,这才是可以帮到我们的。别忘了,人际关系是 人与人之间和谐的重要因素。。。”

LP Sakhon常说,法术是真的有。但是,必须要有很强的心力,才能发挥法术的功效。这正如佛陀说说:心是一切的主导。。。“在加持的时候,有没有握住那条 白线(sai sin)并不重要,因为一切都在心。。。握从来没有握。但是,如果对方给了我,我就握。。。重要是心。。。不要心猿意马。。。”LP Sakhon说,LP Tim不喜欢纹身的师父。因此,LP Sakhon必须暗地里帮弟子们纹身。他有名的纹身有yant kao yod,hanuman chern thong,ling lom,以及金红猪。一次,正当LP Sakhon帮一个还在念书的少年纹身,LP Tim走过,他停下来看了看,没说什么就走开了。
但是,当他们两个人的时候,LP Tim就问:那天他们正在接受什么处罚?
就因为这句话,让LP Sakhon思考到,为年轻人纹身,可能会不好,于是他就不再纹身,而回头来学习做佛牌圣物来跟人结缘,
他说:
“佛牌圣物与佛法都有同样的重要性。它们互相配合。如果我只是教导佛法,别人就不会要;
因此,我才得做佛牌,以吸引他们来寺院,
试看叫这些人来寺院修行而已。。。担保没人要来。
但是,如果告诉他们有佛牌结缘,他们就会来寺院,
最后,他们就会在不知不觉中,也把佛法带回去了。。。”说到Khunpaen,LP Tim的可说是在泰国数一数二了。
而这不是从打广告而来,也不是因为做得特别美。
都是用过的人之经验谈。
其中,最重要的是LP Tim放了phong plai kuman。
而这个中的制作法,非小弟的小小头脑可说得明白。。。

但,可以说的就是,LP Tim交了一小盒这粉给LP Sakhon,
并将制作方法也传了给LP Sakhon。
但是,LP Sakhon并没有再做新的。只是在他每次制作khunpaen的时候,只是拿了一点点这phong plai,然后再加上其他的粉。
很多人担心其副作用。对于这个,LP Sakhon担保不会有。如果这牌不好,这种牌就不可能会在泰国佛牌圈子里这么受欢迎了。
“群众才是最终的判决。。。”
chuchok。。。是其中一种圣物。据说,在众多圣物中,chuchuk就厉害”讨“。
chuchok是佛陀前生的其中一个人物,当年他向还没没有成佛的菩萨-phra vesanton讨妻子儿女,而成了家喻户晓的角色。而这个法术,也是从LP Tim那儿学来。
LP Sakhon把经文写在这老人四周,加持做成布符,以求让用的人带来财富与帮助生意买卖。
有人问,把这个样子古里古怪的老头子做成圣物,适合吗?
LP Sakhon说:
“即使Chuchok的样子难看,但不要忘记,他也是婆罗门出身。而他也是过去佛陀修行过程中的其中一个助缘。因为这个缘故,才有这个chuchok的法门,以带来财富,买卖,带来幸运,财富,
此外,也含藏行善、牺牲的精神在其中。”
听了LP 的解释,觉得很合理。所以说啊,有时候,当不清楚的时候,先不要下判断。对于像LP Sakhon这类走佛牌+佛法路线的法师,他相信也希望他的弟子同样相信:
“佛牌可以带来好处,也会有弊端。”“是肯定有弊端的。。。如果拿去用在不好的地方,比如拿去之后,以为自己很好打,刀枪不入,结果到处惹事生非,这就是弊端。。。”
“我作这些佛牌圣物,是为了让你们想起佛法,让大家想起好的事情,想起三宝。。。”
LP也说:“目前的社会很危险。。。有太多的选择不管是好的或不好的。。。”
因此,在日常生活中,面对周围的事物,真的是很危险,也很可能会迷失。
LP说,“四梵住-慈,悲,喜,舍,才是生活的方针。慈是给他人带来快乐,对自己他人都带着好的善念。悲,是怜悯众生,尽己力去帮助他人。喜是看 到别人的成就,而感到开心,而不是妒嫉。舍,是平等心。不管什么时候,只要我们不丢掉这四点,不丢掉佛陀,世界就不会像今天这么乱。单单一个”慈“,就可 以让你走边天下了。。。”

下面是本人自己的总结:
关于师傅,真的不用多说,佩戴过师傅圣物的朋友都应该感受到师傅圣物的神奇。我所说的神奇,并不是让你发财,让你有如神助,一帆风顺,大富大贵。而这里的 神奇,是一种来自佩戴者内心的平静。我常说,带师傅的圣物开心,快乐,有一种莫名的喜爱,这就是好的圣物,以及最好的感应。师傅最出名的是人缘法门,但师 傅招财,档险的法门也不再话下。可是招财是什么意思呢?何为招财呢?就是你带了之后财运滚滚而来吗?我认为不是的!所谓招财,师傅说过,是让你通过自己的 努力来实现最多的财富,前提是要自己的努力!所以不管佩戴哪位师傅的圣物,多少钱的圣物,他们都只是助力,最重要的是我们自己。
对于我而言,带了师傅2年的坤平,给我最大的感觉就是真的人缘变得非常好,很受大家的欢迎,对于招财以及档险我就不多说了要自己佩戴自己感觉,因为这些真的很主观,说多了有洗脑的嫌疑。
师傅的圣物在泰国已经是非常难找,如果有找过师傅圣物的朋友,或者去到寺庙的朋友相信可以明白小弟的话。去寺庙能找到一枚2530那真是三生有幸了!当然 寺庙不可能一个牌子都没有,寺庙毕竟是寺庙,但是好的,稀有的,都已经流入在外了,在很多大藏家大牌商手里。这也是为什么师傅的坤平供金越来越高的原因。
LP TIM的坤平在泰国也要W元 RMB 更贵的破10W 20W RMB,真的不是每个人都能负担的起。所以很多人都把重心放到了唯一指定继承人---沙空身上。但是随着师傅圣物越来越难找的原因,价格也在逐渐攀升。可 能买家觉得不开心,其实最不开心的是我。因为我收藏师傅的坤平,不光大家请到的贵,我也一样!打个比方,我有1W 人民币 从前我可以收2个2530坤平 现在只能收一个,我更郁闷!
一尊好的佛牌,不仅佩戴有价值,收藏也有价值。很多人收佛牌不光是为了佩戴,也是为了他的收藏价值,这个道理同古董。这也算一种理性的投资。一面好牌,给你带来了好运,好的生活,还能在日后有好的价值。这也是很多人为什么会选择收藏那么多佛牌的原因!
很多人问,为什么沙空的坤平供金颇高?那试问LP TIM的 LP TOH 屈白揽1-3 龙婆碰自身 龙婆班神兽崇迪这些价格为什么都这么高?原因很简单,他们不是像蝴蝶 九尾这种量产的牌子,师傅当年做了就那么多,不管过去多少年,数量是不变的,可以恭请的越来越少,不是你去泰国随便一收 ,就有成千上万的等着你。反之,你需要跑很多家,辛苦的去找寻。如果都是随手可得的,那么价格不会这么高,谁都能拿到的牌,叫入门牌,不是收藏级别的。而 品相也决定了牌子的价格,可能同一个牌,价格差千元,这是很平常的。
很多人喜欢和师傅拍照,放一个牌子上面写着XXX佛牌等等,试问为什么极少看到过有和沙空师傅拍照的?我也从来没见过有谁拿着XXX佛牌跟师傅合照,师傅选择跟你见面,看的是缘分,而不是MONEY。这也是我喜欢师傅的原因之一,低调,不商业。



以下为大家介绍师傅最出名的圣物-佛像坤平

首先要说明,坤平分为两种:
1:佛像坤平
这类坤平主要为佛祖法相,来历是N年前泰国出土了一批百年的佛像佛牌,大家都没见过这种佛牌,后来有人希望佩戴此佛牌的信徒可以如同坤平将军一样 不受到伤害,故取名为坤平佛。所以佩戴者不分男女,都可以佩戴。
2:坤平将军
具体可以百度一下,常见的为背刀的,抱女的,XX的。。。这个肯定是男孩子带了。主要是用来提升男子汉气概,增加女人缘的。




既然提到了坤平佛,就一定要说明一下龙婆沙空坤平中一种神秘的成分-派古曼粉
传承与其师傅LP TIM留给他的一部分 古曼粉。

LP TIM 指示徒弟说:“去寻找一个孕妇是在星期六死亡,并且转告死者家属,师傅将为此孕妇诵经超渡,并利用胎内的小孩做佛牌用料。”有师还交待徒弟,开光这个帕坤 平佛牌的法需要取下孕妇肚子内的小孩的头盖骨,并交待徒弟要记得,如果在取的小孩的头盖骨时,如果有人在背后叫你的话,千万不要回头!取完头骨后千万不要 回头就直接回庙内并交给大师,大师在收到头盖骨后利用特殊的法连续加持了七天七夜,加持完后,师傅交待徒弟说:“将此头盖骨敲成碎片并磨成灰。”神奇的 是,在徒弟敲打这具头盖骨时,竟然每敲一下就出现一次火花,更为这神奇的佛牌增添了一层神秘的色彩!大师将此头盖骨的粉末加入了多款神秘的秘粉,并加入了 108种特殊的草药,大师督造这一面佛牌非常非常的谨慎,在盛大的开光后,大师更将佛牌放在身边一面面小心的亲自加持
通常都是枉死的胎儿,死于星期六又于星期二火葬的(要有这种条件先能做),再由高僧念经升级为灵婴后再磨成粉末加入佛牌中。古曼粉的寓意跟古曼童相同 可以理解为不入灵的古曼 除了有强力的招人缘功效外 而是很好的档险功效 同时提升人缘 利财运 保护你自己无形当中提升福报通过多做善事将福报回向给婴灵,属于圣料不是阴料!所以加入了这种古曼粉的佛牌是正牌,直接佩戴于脖子上即可。
而督造这种古曼粉最出名的师傅,非LP TIM莫属!(还有其他师傅也督造古曼粉)而现在由于各种原因,泰国师傅已经不做古曼粉了。
龙婆沙空在2551年宣布,手中的古曼粉已经全部用完。2555也有一批含有古曼粉的坤平是因为有当年的人捐出的一部分LP TIM遗留的古曼粉。 这也是为什吗师傅2530-2551的坤平供金颇高的原因。
最后说明一下龙婆沙空师傅的坤平佛功效---助人缘,招财运(偏财),档险避灾,提升个人气场,让别人更认同你,喜欢你,招贵人(事业,生活等方面帮到你的人)。



下面分享2530-2551 2555含有古曼粉的原庙坤平供各位欣赏。

2530 一期限量  500枚 银符管 坤平佛 2530 一期限量 500枚 银符管 坤平佛
 

 

2538 第二期  限量500  金符管 坤平佛 2538 第二期 限量500 金符管 坤平佛
 

 

2543 金面发绿 大模 银符管 坤平 2543 金面发绿 大模 银符管 坤平
 

 

2546 限量9 双金符管+银必达 大模 坤平 2546 限量9 双金符管+银必达 大模 坤平
 

 

2551 限量 1999 双金符管 大模坤平 2551 限量 1999 双金符管 大模坤平
 

 

2555 草药 限量 2999 大模坤平  2555 草药 限量 2999 大模坤平

Warning: Unknown: open(/var/lib/php/session/sess_2jsjkcign80cjfl2vpb8p0sui3, O_RDWR) failed: No space left on device (28) in Unknown on line 0

Warning: Unknown: Failed to write session data (files). Please verify that the current setting of session.save_path is correct (/var/lib/php/session) in Unknown on line 0