หลวงพ่อสม สุชีโว วัดโพธิ์ทอง 龙婆崇 瓦坡通 Lp.som watphothong

หลวงพ่อสม สุชีโว วัดโพธิ์ทอง

ประวัติ หลวงพ่อสม สุชีโว วัดโพธิ์ทอง จ.อ่างทอง

จังหวัดอ่างทอง มีอำเภอโพธิ์ทอง มีวัดชื่อว่า "วัดโพธิ์ทอง" ตั้งอยู่ที่ ต.คำหยาด อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ปัจจุบันมี "หลวงพ่อสม สุชีโว" หรือ "พระครูโสภณสิริธรรม" เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทองเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อ ดัง อีกทั้งยังเป็นแพทย์แผนโบราณ เป็นพระนักการศึกษา พระนักปกครอง และพระนักพัฒนา พร้อมกันไป ชื่อเสียงของหลวงพ่อสมจึงได้ขจรขจายไปทั้งเมืองอ่างทอง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านโดยทั่วไป

อัต โนประวัติ มีนามเดิมว่า สม พรหมทอง เกิดเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2473 บิดา-มารดา ชื่อ นายหวล และนางละมาย พรหมทอง เกิดที่บ้านบางลำพู ข้างวัดสังเวชวิศยาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ ท่านเป็นบุตรชายคนโต

ช่วงเกิดสงครามโลก ทั่วพระนครภัยพิบัติไปทั่ว ทำให้ครอบครัวพรหมทองได้รับความเดือดร้อน จึงอพยพครอบครัวไปตั้งรกรากอยู่ที่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท

ด้วยความที่ บิดามีความสนิทสนมกับสม ภารวัดที่อยู่ใกล้กับบ้าน คือ หลวงพ่อทรัพย์ เจ้าอาวาสวัดอินทาราม (วัดตลุก) จึงได้นำบุตรชายไปฝากให้เป็นลูกศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้ในกิจการต่างๆ รวมทั้งอบรมสั่งสอนเล่าเรียนวิชาการต่างๆ จากหลวงพ่อและโรงเรียนประชาบาลที่อยู่ภายในวัดอินทาราม



ชีวิตในวัย เด็กมีความขยันหมั่นเพียรในการศึกษา จนจบการศึกษาอันเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน นอกจากวิชาสามัญในโรง เรียนแล้ว หลวงพ่อทรัพย์ยังได้อบรมสั่งสอนวิชาแพทย์แผนโบราณ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ

เนื่องจากหลวงพ่อทรัพย์เป็นหมอยาไทยที่ มีชื่อเสียง จะมีผู้คนมาให้ท่านรักษากันมาก จึงมีหน้าที่ปรุงยาไทยให้หลวงพ่อตามใบกำกับยาที่ท่านส่งให้

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ท่านได้สั่งสมความรู้ทางแพทย์แผนโบราณอย่างดี

เมื่อ อายุ 17 ปี ย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม หลวงพ่อทรัพย์ได้แจ้งกับโยมบิดามารดา ขอให้ได้เข้าบวชเรียน ท่านจึงได้บรรพชา ศึกษาเรียนพระปริยัติธรรมที่สำนักเรียนวัดอินทาราม พ.ศ.2490 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี พ.ศ.2491 สอบได้นักธรรมชั้นโท

นอก จากนี้ ยังได้เรียนวิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่เดินทางมาอยู่ปริวาสที่วัด อินทาราม อาทิ หลวงพ่อรุ่งและหลวงพ่อเดิม พระเกจิชื่อดังแห่งวัดหนองโพ จ.นครสวรรค์

ครั้นต่อมาได้ลาสึก เมื่ออายุ 19 ปี ด้วยเหตุที่โยมบิดามารดามีอายุชราภาพมากขึ้น จำต้องออกมาช่วยงานหาเลี้ยงครอบครัว คือ การควบคุมเรือบรรทุกสินค้าล่องมาค้าขายที่กรุงเทพฯ

จนเมื่ออายุ 24 ปี วันหนึ่งหลวงพ่อทรัพย์ได้เดินทางมาหาโยมบิดามารดา ขอให้เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2496 ณ พัทธสีมาวัดอินทาราม มีพระครูธรรมวิริยโสภณ (ทรัพย์) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระสมุห์สนิท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เส็ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า สุชีโว มีความหมายว่า "ผู้มีชีวิตอันงาม"

หลังอุปสมบทจึงหมั่นศึกษาต่อจากที่ได้เล่าเรียนเมื่อครั้งเป็นสามเณร จนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก

ครั้นหมดภาระทางการศึกษาพระปริยัติธรรม ท่านจึงหันไปศึกษาตำราแพทย์แผนโบราณต่อจากที่เคยได้ศึกษาไว้เมื่อครั้งเป็น สามเณรจากหลวงพ่อทรัพย์ ท่านได้ศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง

ด้วยความ มุ่งมั่นเกี่ยวกับการรักษาโรคด้วยยาสมุนไพร ทำให้หลวงพ่อสมได้รับนิมนต์ให้ไปบรรยายวิชาแพทย์แผนโบราณกับหน่วยงานของทาง ราชการ หน่วยงานเอกชน

ยามว่างงานด้านการรักษาโรค ก็ศึกษาข้อกัมมัฏฐานและหมั่นเพียรปฏิบัติสมาธิกัมมัฏฐานอย่างเอาจริงเอาจัง

หลวง พ่อทรัพย์ได้ฝึกอบรมหลวงพ่อสม ด้วยการให้ท่านเขียนลบเลขยันต์ต่างๆ ในแผ่นกระดานชนวนอยู่อย่างนั้นนับแรมปี ด้วยสิ่งใดก็ตามเมื่อทำอย่างซ้ำๆ จะเป็นผลดีในการฝึกจิตแบบอดทน

นอกจากนี้ หลวงพ่อสมได้ไปศึกษาวิทยาคมเพิ่มเติมกับน้าแท้ๆ ของท่าน คือ หลวงน้าเก็บหรือหลวงพ่อเก็บ แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท

กล่าวได้ว่าหลวงพ่อเก็บเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า พระเกจิชื่อดัง

ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อสมได้มาอยู่กับหลวงน้าของท่านที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้ตั้งใจศึกษาวิทยาคมสายหลวงปู่ศุขอย่างจริงจัง จนมีความสำเร็จและมีประสบการณ์ให้ได้เห็นกันในปัจจุบัน ส่งผลให้วัตถุมงคลที่ท่านได้ร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตมีความเข้มขลัง ได้รับการยอมรับจากบรรดานักสะสมนิยมพระเครื่องเป็นอย่างยิ่ง



หลวงพ่อสมได้ฝึกจิตด้วยความเพียร โดยเห็นว่า "จิตเป็นที่ตั้งแห่งความดีและความชั่ว ความดีและความชั่วนั้นต่างมีพลังงานในตัวของมันเอง และพลังงานของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นปฏิปักษ์กันโดยธรรมชาติ มีการต่อสู้กันอยู่เนืองนิตย์ จิตใจเป็นสนามต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย"

"ผลแห่งการต่อสู้นั้นด้วย คือ พลอยเป็นสุขเมื่อความดีชนะ พลอยเป็นทุกข์เดือดร้อนเมื่อความชั่วชนะ จิตใจย่อมมีอิสรเสรีที่จะเข้ากับฝ่ายใดก็ได้ เมื่อพิจารณาด้วยปัญญาแล้วเห็นควรเข้ากับฝ่ายใด และมีทางเอาตัวรอดจากอำนาจทั้ง 2 ฝ่ายนั้นด้วย"

พ.ศ.2525 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง

ต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามพระครูโสภณสิริธรรม

พ.ศ.2549 เป็นเจ้าคณะอำเภอโพธิ์ทอง

ในปีเดียวกัน หลวงพ่อสมได้เข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตวัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี จนจบหลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิต

หลวงพ่อสมมีชื่อเสียงเกียรติคุณในด้าน การจัดสร้างพระผง ได้มีการนำมวลสารผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห ที่ได้ผ่านการเขียนสูตร เรียกสูตร ลบสูตรทุกขั้นตอนตามแบบโบราณ

หลวงพ่อสมได้บอกเล่าถึงกระบวนการทำผงมวลสารวัตถุมงคล ว่า "ต้องหาที่มุมสงบเพื่อให้จิตนิ่งเป็นสมาธิแล้วเขียนสูตรพร้อมเรียกสูตรไปที ละตัวอักขระ จนครบทุกตัวอักขระเลขยันต์บนกระดานชนวน 1 ครั้ง หรือ 1 รอบ ต้องใช้เวลาเขียนสูตร เรียกสูตร ลบสูตรเป็นเวลาถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง รวมทั้งการหาฤกษ์เขียนสูตรผง จะต้องเป็นฤกษ์ที่สมบูรณ์ที่สุด เพื่อให้ผงนั้นมีพุทธคุณเข้มขลังมากที่สุด"